เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า สมาพันธ์ได้เสนอโครงการ Digital wallet ลดค่าครองชีพภาคแรงงาน ผ่านกระทรวงพาณิชย์ โดยเชิญชวนภาคเอกชนทุกขนาดทั้งในท้องถิ่นและนอกพื้นที่ที่มีความพร้อมในการลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่มีจำนวนรวมกันกว่า 24 ล้านรายในระบบประกันสังคม เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือน ลดต้นทุนการประกอบอาชีพ และสร้างแรงจูงใจการนำแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงกลไกสวัสดิการและพัฒนาแรงงานเพิ่มผลิตภาพ 

 

โครงการนี้มุ่งสร้างเศรษฐกิจแบ่งปันสนับสนุนการลดภาระช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากในการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ สร้างการมีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากการลดต้นทุนให้กับเอสเอ็มอีอีกทางด้วย

นายแสงชัยกล่าวว่า แนวคิดเป็นการลดภาระค่าครองชีพประชาชนและผู้ประกอบการอิสระที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ประมาณ 24.5 ล้านคน ผ่านการจัดทำโครงการให้ส่วนลดสูงสุดไม่เกิน 500 บาท และ 1,000 บาทต่อเดือน 

 

โดยกลุ่มเหล่านี้มีสิทธิซื้อสินค้าในเครือข่ายธงฟ้า หรือจัดมหกรรมลดค่าครองชีพที่กระทรวงพาณิชย์ประสานผู้ผลิตและเกษตรกร นำสินค้ามาจำหน่ายในราคาต่ำกว่าปกติ เบื้องต้นอยากให้ดำเนินการได้ก่อนเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ซึ่งโครงการนี้ไม่ต้องใช้งบประมาณรัฐ แต่เป็นความร่วมมือกันของแต่ละฝ่ายเท่านั้น

 

“อยากให้เป็นดิจิทัลวอลเล็ตภาคแรงงานในการซื้อสินค้าได้ราคาถูกลงกว่าปกติ เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและซื้อไปเป็นวัตถุดิบประกอบอาชีพ เช่น ขายอาหาร ขายเครื่องดื่ม ด้วยสามารถซื้อไข่ ข้าวถุง หรือปลากระป๋องในราคาถูกลงกว่าที่ลดอยู่แล้ว แต่อาจกำหนดให้ได้รับส่วนลดจากการซื้อไม่เกิน 500 หรือ 1,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น อยากให้ทำต่อเนื่อง 6-10 เดือน รวมถึงรัฐช่วยเหลือผู้ผลิตด้วยมาตรการลดหย่อนด้านภาษี เป็นการกระตุ้นเข้าโครงการและให้ส่วนลดสูงๆ อีกทั้งเป็นการจูงใจให้ผู้อยู่นอกระบบประกันตนได้เข้ามาในระบบด้วย ซึ่งเบื้องต้นกรมการค้าภายในเห็นด้วยในแนวคิดนี้” นายแสงชัยกล่าว

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 4 มีนาคม 2567