นายกฯ สิงคโปร์แสดงวิสัยทัศน์ รัฐบาลให้ความสำคัญอันดับหนึ่งกับการทำให้คนมีงานทำ ท่ามกลางอุปสรรคการค้าโลกและปัญญาประดิษฐ์เพิ่มขึ้นทุกขณะ

 

นายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่องของสิงคโปร์ แถลงต่อประชาชนเมื่อวันอาทิตย์ (17 ส.ค.) เนื่องในวาระครบรอบ 60 ปีก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ เน้นย้ำเรื่องผลกระทบจากการแข่งขันระหว่างสหรัฐกับจีน สงครามภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และภัยคุกคามจากเทคโนโลยีใหม่ที่มีต่อคนทำงาน ถือเป็นความท้าทายสำคัญ

 

“เปิดบทใหม่มาโลกมีแต่ปัญหาและความวุ่นวายมากขึ้น” หว่องกล่าวและย้ำถึงแผนการเสริมสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้าและเสริมสร้างระบบความปลอดภัยทางสังคม ตลอดจนพัฒนาพื้นที่บางส่วนของเกาะเสียใหม่และสร้างที่อยู่อาศัยใหม่

 

นายกรัฐมนตรี วัย 52 ปี ชูประเด็นความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพท่ามกลางเศรษฐกิจโลกชะลอตัวพร้อมๆ กับการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นพรรคพีเอพีจึงดีที่สุดในการปกป้องชาวสิงคโปร์พ้นจากความเสียหายทางเศรษฐกิจ เช่น ผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐ

 

“ท้ายที่สุดแล้ว ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของเราก็คืองาน งาน และงาน นั่นคือความสำคัญอันดับหนึ่งของเรา เราจะทำให้มากขึ้นเพื่อช่วยชาวสิงคโปร์ให้ได้โอกาสการทำงานใหม่ๆ”

 

นี่เป็นการแถลงใหญ่ครั้งแรกของหว่องนับตั้งแต่การเลือกตั้งในเดือน พ.ค. ที่พรรคกิจประชาชน (พีเอพี) ชนะเลือกตั้งมาตลอด 60 ปีภายใต้การบริหารของหว่องพรรคพีเอพีขยายนโยบายสวัสดิการสังคม ให้สิทธิประโยชน์ว่างงานเป็นครั้งแรก อัดฉีดงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์สนับสนุนอาหาร สาธารณูปโภค และการศึกษา โดยปัจจุบันสิงคโปร์มีผู้อยู่อาศัยราว 6 ล้านคน เป็นพลเมืองราว 3.6 ล้านคน

 

ในด้านเอไอหว่องระบุว่า สิงคโปร์ “จะติดอาวุธและเพิ่มอำนาจให้ทุกๆ กิจการ” ใช้เอไออย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยสิงคโปร์จะทำโครงการจับคู่งานใหม่ และให้งบประมาณอุดหนุนโครงการฝึกอบรมให้กับบัณฑิต

 

ในอนาคตรัฐบาลจะทบทวนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ “เพราะการเปลี่ยนแปลงภายนอกที่เราเห็นในวันนี้ไม่ถาวร” นั่นรวมถึงการทำให้ประเทศคงความสามารถการแข่งขันต่อไปได้ การเข้าถึงพลังงานสีเขียว และช่วยให้บริษัทสิงคโปร์ได้เข้าถึงตลาดต่างประเทศใหม่ๆ

 

“เราจำเป็นต้องมีแผนเศรษฐกิจใหม่ เพื่อสร้างหลักประกันให้กับอนาคตของสิงคโปร์ในโลกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง” นายกฯ กล่าว

 

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนสิงคโปร์ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ หลังจากครึ่งปีแรกทำผลงานได้ดีเกินคาด ส่วนใหญ่เป็นเพราะการเร่งนำเข้าก่อนภาษีสหรัฐมีผล และความกังวลด้านการค้าผ่อนคลายลง รัฐบาลสิงคโปร์คาดการณ์ปีนี้เศรษฐกิจขยายตัว 1.5%-2.5% เมื่อเทียบกับปี 2024 สูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ประเมินไว้ 0%-2%

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 18 สิงหาคม 2568