ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 มณฑลไห่หนานยังคงมีฐาน GDP เป็นอันดับที่ 4 ของจีน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นผ่านการท่องเที่ยว และการลงทุนนโยบายส่งเสริมท่าเรือการค้าเสรี 

 

โดยเมืองที่มีสัดส่วน DGP 3 อันดับแรก ได้แก่ นครไห่โข่ว เมืองตานโจว และเมืองซานย่า อีกทั้ง อาเซียน ยังเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของมณฑลไห่หนาน ตามมาด้วยออสเตรเลีย ยุโรป สหรัฐฯ และรัสเซีย ตามลำดับ การค้าระหว่างมณฑลไห่หนานกับประเทศไทยนั้น สูงเป็นอันดับ 8 ในกลุ่ม RCEP และสูงเป็นอันดับ 5 ในกลุ่มประเทศอาเซียน 

 

ซึ่งสินค้าที่ไห่หนานนำเข้าจากไทยได้แก่ ผลไม้ น้ำตาล ขนมที่ทำจากน้ำตาล ผลิตภัณฑ์จากแป้งและข้าวสาลี แร่เชื้อเพลิงและพลังงาน อัญมณี และสินแร่ ส่วนสินค้าที่ไห่หนานส่งออกมายังประเทศไทย ได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก กระดาษ ปลาและสัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็ง รวมถึงเคมีภัณฑ์

 

       

ส่วนภาคการบริโภคของมณฑลไห่หนานนั้นขยายตัวสูง เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว โดยอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคคือ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่โครงการ สินค้าเก่า แลกซื้อสินค้าใหม่ สามารถกระตุ้นยอดค้าปลีกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขยายตัวเพิ่มขึ้นสูง 

 

ตามมาด้วยสินค้าเฟอนิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ และรถยนต์พลังงานใหม่ ตามลำดับ อย่างไรก็ดี การพัฒนาท่าเรือเสรีจะช่วยมณฑลไห่หนานกลางเป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกที่สำคัญของจีนต่อไปในอนาคตอีกด้วย (ข้อมูล  สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว)

 

ที่มา globthailand

วันที่ 11 ตุลาคม 2568