KEY POINTS :

 

* สภาอุตสาหกรรมฯ คาดว่าที่ประชุม กกร. จะทบทวนเป้าหมายการส่งออกปีนี้ใหม่ โดยมีโอกาสปรับเพิ่มเป็น 10% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 2-3%

* ส.อ.ท. เร่งผลักดันนโยบาย 4GO เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยตั้งเป้าหมายพลิกโฉมสมาชิก 8,000 รายให้ทันสมัย

* นโยบาย 4GO ประกอบด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและ AI (Go Digital & AI) การสร้างนวัตกรรม (Go Innovation) การหาตลาดใหม่ (Go Global) และการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Go Green)

 

ประธานสภาอุตฯ จับตาเวทีประชุม กกร. 5 พ.ย.นี้ ปรับตัวเลขส่งออกใหม่ หลัง 9 เดือนแรกโตเกือบ 14% ดันสมาชิกสุดลิ่ม เร่งยกระดับการทำธุรกิจลุย “4GO” เป้าหมาย 8,000 ราย หวังปรับโครงสร้างภาคผลิตไทยลุยอุตสาหกรรมยุคใหม่เพิ่มขีดแข่งขัน ดันจีดีพีประเทศโตยั่งยืน

 

 

กระทรวงการคลังปรับคาดการณ์แนวโน้มการขยายตัวจีดีพีไทยเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยทั้งปีนี้คาดจะขยายตัวได้ที่ 2.4% เพิ่มจากครั้งก่อนที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.2% หลังได้รับแรงหนุนจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น โครงการ “คนละครึ่งพลัส” และการส่งออกสินค้าไทยในรูปสกุลดอลลาร์สหรัฐ คาดจะขยายตัวได้ที่ 10%

 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดว่าจะมีการทบทวนตัวเลขการส่งออกทั้งปีนี้ใหม่ จากเดิม ณ เดือนสิงหาคมถึงตุลาคม กกร. ยังคงคาดการณ์ตัวเลขการขยายตัวไว้ที่ 2–3% คาดมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะขยายตัว 10% หลังการส่งออกไทยช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ยังขยายตัวสูงที่ระดับเกือบ 14%

 

อย่างไรก็ดี ในส่วนของตัวเลขการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของปี 2568 มีโอกาสจะขยายตัวได้ที่ 2.2% จากที่ กกร. คาดการณ์ก่อนหน้านี้ไว้ที่ 1.8-2.2% หรือค่ากลางที่ 2% โดยในไตรมาสที่ 4 เดิมคาดว่า จีดีพีไทยจะชะลอตัวและจะขยายตัวได้เพียง 0.3%

 

แต่จากที่รัฐบาลได้มีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส มาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการลดหนี้ต่าง ๆ ให้กับประชาชน คาดจะช่วยให้จีดีพีไทยขยายตัวได้ถึง 1% ในไตรมาสที่ 4

 

ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จีดีพีไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ที่ 2.2% ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ไว้ แต่จะมีการปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีเป็น 2.4% ตามที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ใหม่หรือไม่ คงได้มีการหารือกันในที่ประชุมครั้งนี้ด้วย

 

กรณีที่จีดีพีไทยโตตํ่าอยู่อันดับท้าย ๆ ของอาเซียน โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธปท. และ ส.อ.ท. คาดการณ์ตรงกันว่า จีดีพีไทยน่าจะขยายตัวในเบื้องต้นที่ระดับ 1.6% จากผลกระทบเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี และยังมีความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงภัยคุกคามต่าง ๆ ที่ทุกประเทศอยู่ในช่วงการปรับตัว ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทยอยู่ในช่วงการปรับโครงสร้าง เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มมูลค่าจีดีพีประเทศในระยะยาว

 

ทั้งนี้ ในการดำรงตำแหน่งประธาน ส.อ.ท. เป็นสมัยที่ 2 (ซึ่งจะหมดวาระต้นปีหน้า) นายเกรียงไกรได้เร่งขับเคลื่อนนโยบาย 4GO ได้แก่ 

 

(1)Go Digital & AI มีเป้าหมายชัดเจนในการเปลี่ยนผ่านสมาชิกประมาณ 8,000 ราย จากทั้งหมด 16,000 ราย ให้นำระบบ Digital และ AI มาใช้ในการดำเนินงานภายใน 3–5 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ

 

(2)Go Innovation ขับเคลื่อนไปสู่อุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม โดยมีกองทุนนวัตกรรมฯ ให้ความช่วยเหลือ

 

(3)Go Global จัดหลักสูตรให้ผู้ส่งออกไปหาตลาดใหม่ ๆ ทดแทนตลาดเก่าที่มีคู่แข่งขันมาก

 

(4)Go Green ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขั้นตอนการผลิต ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม

 

“นโยบาย 4GO นี้ได้รับการยอมรับอย่างสูง ทั้งจากสมาชิกของ ส.อ.ท. และหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐ ซึ่งตอบโจทย์ตรงประเด็นของภาคการผลิตและการค้าโลกยุคใหม่ จนมีต่างชาติที่เป็นพันธมิตรของเรามาขอนำไปใช้ ซึ่งเป็นบทสรุปว่า หากทำ 4 ข้อนี้ ผู้ประกอบการจะสามารถยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยนโยบาย 4GO นี้ หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ จะทำให้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะเห็นรูปธรรมเกิดขึ้นอย่างชัดเจนมากขึ้น” นายเกรียงไกร กล่าว

 

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568