เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม นายไค ฮัทเทนดอฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมการแสดงสินค้าโลก หรือ UFI เปิดเผยว่า เลือกประเทศไทยเจ้าภาพจัดงานประชุมประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกในปี 2569 หรือ UFI Asia Pacific Conference 2026 ซึ่งงานดังกล่าวจะจัดในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมั่นใจว่า จะทำให้ผู้นำจากแวดวงธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าทั้งจากในภูมิภาคและทั่วโลกได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าในการประชุมครั้งนี้ และกลับไปพร้อมกับข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ ได้พบปะผู้คนหน้าใหม่และสานสัมพันธ์กับคู่ค้าที่คุ้นเคย ได้สำรวจโอกาสทางธุรกิจ สัมผัสกับมิตรภาพ น้ำใจไมตรี และความเป็นมืออาชีพของประเทศไทย

 

“อุตสาหกรรมการแสดงสินค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยข้อมูลของ UFI ชี้ให้เห็นว่า ภูมิภาคนี้รวมถึงประเทศไทยมีศักยภาพในการฟื้นตัวเทียบเท่ากับภูมิภาคอื่น ๆ ในโลก ตลาดกลุ่มงานแสดงสินค้าที่เปิดตัวก่อนในช่วงแรกสามารถกลับมาทำรายได้เทียบเท่ากับช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการที่ผู้ซื้อและผู้ขายมาพบปะเจรจากันโดยตรง”

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บและ UFI มีความร่วมมือกันอย่างดีมายาวนาน และ ทีเส็บมีความยินดีที่ UFI เลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพงาน UFI Asia Pacific Conference 2026 นับเป็นครั้งที่สองหลังจากเชียงใหม่เคยเป็นเจ้าภาพงานนี้มาแล้วในปี พ.ศ. 2559

 

“ปัจจุบันไทยเป็นจุดหมายจัดงานแสดงสินค้าอันดับหนึ่งของอาเซียนอยู่แล้ว แต่การที่สมาคมการแสดงสินค้าโลกเลือกประเทศไทยจัดงานประชุมภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของสมาคมฯ ยิ่งมีความสำคัญในการตอกย้ำและเสริมความพร้อมและความโดดเด่นของประเทศไทยในด้านการเป็นศูนย์กลางการจัดแสดงสินค้า ขณะเดียวกันเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้แสดงศักยภาพและขยายเครือข่ายในตลาดโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มงานแสดงสินค้าทั้งในไทยและในภูมิภาค ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลงทั่วโลก”

 

ในการนี้ ทีเส็บจึงทำข้อตกลงความร่วมมือกับ UFI ประกาศเปิดตัวประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะประเทศเจ้าภาพ UFI Asia Pacific Conference 2026 และเพื่อแสดงเจตจำนงค์ร่วมกันดำเนินการให้การจัดงานในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ

 

จากสถิติที่จัดเก็บโดย ทีเส็บ ในปีงบประมาณ 2565 มีนักเดินทางไมซ์กลุ่มการแสดงสินค้านานาชาติเดินทางมาร่วมงานในประเทศไทยรวม 67,668 คน สร้างรายได้ 4,423 ล้านบาท สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ 9,468 ล้านบาท เกิดการจ้างงาน 5,301 อัตรา และเกิดรายได้จากการจัดเก็บภาษี 189 ล้านบาท

 

สำหรับสามไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 – มิถุนายน 2566) ประเทศไทยมีจำนวนนักเดินทางไมซ์ต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 440,946 คน สร้างรายได้ 26,274 ล้านบาท แบ่งออกเป็นกลุ่มที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้า จำนวน 204,397 คน ซึ่งคิดสัดส่วนเป็น 46% ของนักเดินทางไมซ์ต่างประเทศทั้งหมด ทำรายได้ 13,017 ล้านบาท

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 22 สิงหาคม 2566