เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 สำนักงานสถิติและภูมิศาสตร์แห่งชาติของบราซิล (Instituto Brasileiro de Geografia e Estatistica: IBGE) ได้รายงานตัวเลขทางการของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของบราซิล โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

 

ในปี 2566 GDP บราซิลเติบโตที่ร้อยละ 2.9 คิดเป็นมูลค่า 10.9 ล้านล้านเฮอัล สูงกว่าการคาดการณ์เมื่อช่วงต้นปี 2566 ที่ร้อยละ 1.0 โดยการเติบโตของ GDP ดังกล่าว มีปัจจัยหลักจากการขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ของภาคเกษตรกรรมและปศุสัตว์ที่ร้อยละ 15.1 ซึ่งนับเป็นการขยายตัวที่มากที่สุดตั้งแต่ปี 2538 โดยเฉพาะการเพิ่มผลิตภาพของพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของบราซิล ได้แก่ ถั่วเหลือง (เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.1) และข้าวโพด (เพิ่มขึ้นร้อยละ 19) 

 

นอกจากการขยายตัวของภาคส่วนข้างต้นแล้ว ภาคอุตสาหกรรมยังขยายตัวที่ร้อยละ 1.6 โดยมีอุตสาหกรรมสกัดทรัพยากรธรรมชาติ (Extractive Industries) ซึ่งขยายตัวที่ร้อยละ 8.7 ในปี 2566 เป็นตัวผลักดันที่สำคัญ สืบเนื่องจากการขุดเจาะน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และสินแร่เหล็ก 

 

 

อีกทั้งภาคบริการยังขยายตัวดีที่ร้อยละ 2.4 โดยมีธุรกิจตัวกลางทางการเงิน (financial intermediaries) และประกันภัยซึ่งขยายตัวร้อยละ 6.6 เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ตามด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 3 

อย่างไรก็ดี แม้ GDP ของบราซิลจะเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 2.9 แต่อัตราการลงทุนยังชะลอตัวโดยปรับลดลงจากร้อยละ 17.8 ในปี 2555 เหลือร้อยละ 16.5 ในปี 2566 ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการออมซึ่งปรับลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 15.8 เหลือร้อยละ 15.4 นอกจากนี้ การสะสมทุนถาวรเบื้องต้น (Gross Fixed Capital Formation: GFCF) ยังปรับตัวลดลงร้อยละ 3 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การลงทุนจากต่างประเทศลดลง 

 

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า รัฐบาลบราซิลได้เริ่มส่งสัญญาณในการออกมาตรการส่งเสริมการลงทุน ขยายการผลิตในประเทศ และกระตุ้นการบริโภคในประเทศในปี 2567 แล้ว และมีคาดการณ์ว่า GDP ของบราซิลในปี 2567 จะสามารถขยายตัวได้ที่ร้อยละ 1.5 – 1.8 (ข้อมูล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย)

 

ที่มา globthailand

วันที่ 7 มีนาคม 2567