เช้าวันที่ 4 มิถุนายน ได้มีการตั้งกระทู้ถามนาย ดั่งก๊วกแค้ง รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับกลุ่มปัญหาด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในกรอบการประชุมสภาแห่งชาติครั้งที่ 7 สมัยที่ 15  ซึ่งได้รับการถ่ายทอดสดทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศติดตาม

 

เนื้อหาต่างๆ เช่น การบริหารจัดการ การใช้ประโยชน์และการปกป้องทรัพยากรทางทะเลแห่งชาติ การปฏิบัตินโยบายและกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของแหล่งน้ำ มาตรการป้องกันและรับมือภัยแล้งและสถานการณ์น้ำเค็มรุกล้ำ มลพิษของแหล่งน้ำ มาตรการวิจัย สำรวจและนำทรัพยากรธรรมชาติมาทำวัสดุก่อสร้าง ทรัพยากรและแร่ธาตุหายาก เป็นต้น ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้แทนสภาแห่งชาติ

 

ในการตอบกระทู้ถามเกี่ยวกับผลกระทบของการทำเหมืองทรายในชายฝั่งทะเลต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล นาย ดั่งก๊วกแค้ง รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้เผยว่า

 

“การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลในหน่วยงานและด้านต่างๆ โครงการลงทุนด้านการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมและตัวเมืองเลียบตามชายฝั่งล้วนต้องประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรอบคอบเพื่อค้ำประกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเล ระบบนิเวศทางทะเล การขนส่งทางทะเล การเดินเรือและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ การวางแผนทางทะเลแห่งชาติได้กำหนด ทำการแบ่งเขตในการใช้ประโยชน์ แนวทางการพัฒนา การวางแผนมีความผูกพันกับการวางแผนอุตสาหกรรม การวางแผนท้องถิ่นริมทะเล ต้องปฏิบัติการวางแผนอย่างเคร่งครัดเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”

 

ในการตอบกระทู้ถามของผู้แทนสภาแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการเพื่อเผยแพร่และให้การศึกษานโยบายกฎหมายเกี่ยวกับทะเลและเกาะแก่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รัฐมนตรี ดั่งก๊วกแค้ง เผยว่า นี่ถือภารกิจที่สำคัญซึ่งต้องมีการเข้าร่วมของทั้งระบบการเมือง เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้ประสานกับสมาคมผู้สูงอายุ สมาคมทหารผ่านศึก สหพันธ์สตรีเวียดนามและท้องถิ่นต่างๆ เพื่อเผยแพร่กฎหมายและนโยบายของรัฐ และเดินหน้าประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงที่ถูกต้องตามกฎหมายให้แก่ประชาชนต่อไป 

 

ในด้านความมั่นคงของแหล่งน้ำ ภัยแล้งและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรน้ำ ท่านรัฐมนตรีฯได้เผยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อเวียดนาม รวมทั้ง ทรัพยากรน้ำ แหล่งน้ำของเวียดนามร้อยละ 60 มาจากภายนอกประเทศ และส่วนที่เหลือมาจากในประเทศ ดังนั้น การค้ำประกันความมั่นคงของแหล่งน้ำจึงเป็นการค้ำประกันแหล่งน้ำภายในประเทศ รัฐบาลได้สั่งให้ปลูกป่ามากขึ้น ปกป้องป่าไม้ และใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลยังมีการวางแผนเกี่ยวกับทรัพยากรและการวางแผนลุ่มน้ำเพื่อค้ำประกันการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ต่อจากนั้นได้มีการตั้งและตอบกระทู้ถามนาย เหงียนห่งเยียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม 

 

โดยเน้นถึงงานด้านการบริการ การตรวจสอบ การปกป้องสิทธิผลประโยชน์ของผู้บริโภคในด้านการค้าอิเล็กทรอนิกส์ มาตรการผลักดันกิจกรรมการส่งออก การปฏิบัติข้อตกลงเอฟทีเอ การแก้ไขอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการในสภาวการณ์ที่สถานการณ์โลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อนและยากที่จะคาดเดาได้ การปฏิบัตินโยบายและกฎหมายพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล โดยเฉพาะในการแปรรูปสินค้าเกษตร สัตว์น้ำ การพัฒนาการเกษตรและเขตชนบท

 

สำหรับกิจกรรมการค้าอิเล็กทรอนิกส์ บรรดาผู้แทนเห็นว่า แม้การค้าอิเล็กทรอนิกส์ในเวียดนามกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยเติบโตร้อยละ 20 -25 ต่อปี ติดกลุ่ม 5 ประเทศที่มีการขยายตัวด้านการค้าอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุดในโลก แต่เรื่องนี้ก็สร้างความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคล รัฐมนตรี เหงวียนห่งเยียน ชี้ชัดว่า จะประสานงานกับกระทรวงรักษาความมั่นคงทั่วไปจัดทำกฎหมายการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ผลักดันการประชาสัมพันธ์ข้อกำหนดใหม่ของกฎหมาย เรียกร้องให้องค์การและบุคคลที่ประกอบธุรกิจกำหนดแนวทางปกป้องข้อมูล

 

สำหรับการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเอฟทีเอที่ได้ลงนาม รัฐมนตรี เหงวียนห่งเยียน ยืนยันว่า

“กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ได้ประชาสัมพันธ์ให้สมาคมและหน่วยงานต่างๆมีความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเอฟทีเอ ในเวลาที่จะถึง  ทางกระทรวงฯจะให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ส่งเสริมการค้า การส่งออกผ่านการค้าอิเล็กทรอนิกส์ การเจรจาและลงนามข้อตกลงใหม่เพื่อขยายตลาด สนองข้อมูลให้สถานประกอบการรับมือกับกรณีฟ้องร้องการป้องกันทางการค้า”

 

ที่มา vovworld.vn

วันที่ 4 มิถุนายน 2567