เช้าวันที่ 6 มกราคม ณ กรุงฮานอย ทบวงสถิติได้ประกาศรายงานที่ระบุว่า เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตร้อยละ 7.09 ในปีที่แล้ว สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ร้อยละ 6.5 เนื่องจากแรงกระตุ้นหลักจากภาคบริการและการผลิตอุตสาหกรรม

 

คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ของเวียดนามในไตรมาสที่ 4 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.55 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งทำให้การขยายตัว GDP ของตลอดทั้งปี 2024 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.09 เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งต่ำกว่าอัตราการเติบโตในปี 2018, 2019 และ 2022

 

การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามที่บรรลุกว่าร้อยละ 7 ถือเป็นจุดเด่นในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกยังคงประสบความยากลำบากโดยหลายประเทศมีการเติบโตในระดับต่ำ ตัวเลขนี้ยังสูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้โดยองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง ตัวเลขร้อยละ 7 ถือว่าสูงที่สุดใน 6 เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย 

 

ในทางเป็นจริง เวียดนามอยู่ในกลุ่มไม่กี่ประเทศที่มีการเติบโตในระดับสูงในภูมิภาคและทั่วโลก และได้รับการชื่นชมเป็นอย่างสูงจากองค์กรระหว่างประเทศ ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อกลางเดือนนี้ ธนาคารเอชเอสบีซีได้เรียกเวียดนามว่า เป็น “ดาวเด่นแห่งการเติบโต” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

การบริการยังคงเป็นภาคเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มมากที่สุดให้แก่เศรษฐกิจ โดยอยู่ที่กว่าร้อยละ 49.46 และมูลค่าเพิ่มของภาคบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.38 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.24 คิดเป็นร้อยละ 45.17 ต่อมูลค่าเพิ่มของเศรษฐกิจ ภาคการเกษตร ป่าไม้และสัตว์น้ำสนับสนุนร้อยละ 5.37 ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกจากการเติบโต GDP เมื่อปีที่แล้ว เวียดนามยังบรรลุเป้าหมายทั้งหมด 15 เป้าหมายที่สภาแห่งชาติได้วางไว้ 

 

โดยท้องที่หลายแห่งมีการเติบโตที่น่าประทับใจและรายรับเข้างบประมาณแผ่นดินบรรลุกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เช่น กรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ มีงบประมาณเกินดุล 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก นอกจากนั้น เศรษฐกิจมหภาคยังคงมีเสถียรภาพ อัตราเงินเฟ้อได้รับการควบคุมและความสมดุลที่สำคัญของเศรษฐกิจได้รับการค้ำประกัน

 

ที่มา vovworld.vn

วันที่ 6 มกราคม 2568