จีนส่งออกไปยังเวียดนามมากกว่าญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก รับอานิสงค์จากภาษีศุลกากรสหรัฐที่บีบให้หลายบริษัทเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน

 

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า เวียดนามแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับสามของจีนเป็นครั้งแรก เนื่องจากภาษีศุลกากรของสหรัฐบังคับให้บริษัทต่างๆ ต้องหาซัพพลายเออร์รายใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร ในขณะที่ยังคงพึ่งพาผู้ผลิตในจีนสำหรับส่วนประกอบ

 

ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยสำนักงานศุลกากรจีนในวันนี้ (13 มกราคม) ระบุว่า การส่งออกของจีนไปยังเวียดนามในปี 2024 เพิ่มขึ้นเกือบ 18% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 162,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.6 ล้านล้านบาท) ซึ่งแซงหน้าการส่งออกไปยังญี่ปุ่นที่มีมูลค่า 152,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.2 ล้านล้านบาท) ซึ่งเคยเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสามสำหรับผู้ส่งออกจีน

 

การขึ้นเป็นปลายทางส่งออกอันดับสามของจีนเกิดจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการส่งออกชิ้นส่วนไปยังเวียดนาม ซึ่งประกอบขึ้นและจากนั้นส่งออกไปยังประเทศสหรัฐและที่อื่นด้วย ซึ่งตามข้อมูลจีนจนถึงเดือนพฤศจิกายน  2024 ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงโมดูลหน้าจอและหน่วยความจำคอมพิวเตอร์เป็นสินค้าที่การส่งออกเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นอันดับ 8 จาก 10 อันดับ

 

การเปลี่ยนเส้นทางการค้ามีความเสี่ยงที่จะเพิ่มต้นทุนสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค แต่กลับเป็นประโยชน์ต่อเวียดนาม ซึ่งได้เห็นการลงทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทต่างๆ มองหาการกระจายห่วงโซ่อุปทานจากจีน ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำ เช่น ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ คอมปะนี (Samsung Electronics Co.) , ลักซ์แชร์ พรีซิชั่น คอมปะนี (Luxshare Precision Industry Co.) และหงไห่ พรีซิชั่น อินดัสทรี คอมปะนี (Hon Hai Precision Industry Co.) ได้ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในเวียดนามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อประกอบผลิตภัณฑ์ อาทิ เช่น AirPods และ MacBook

 

ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปส่วนใหญ่ถูกส่งไปยังลูกค้าชาวอเมริกัน ทำให้ยอดเกินดุลการค้าของเวียดนามกับสหรัฐ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ณ สิ้นสุดเดือนพฤศจิกายนปี 2024 ซึ่งอาจทำให้ประเทศนี้ตกเป็นเป้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเคยพูดถึงความจำเป็นในการสร้างสมดุลทางการค้ากับเวียดนาม

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

วันที่ 13 มกราคม 2568