สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้สั่งปิดสำนักงานในต่างประเทศของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ หรือ USAID รวมถึงเรียกเจ้าหน้าที่ทั้งหมดหลายพันคนที่ประจำอยู่ทั่วโลกกลับสหรัฐภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ ตามรายงานของแหล่งข่าว 2 ราย เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์

 

USAID มีเจ้าหน้าที่ทั้งหมดมากกว่า 10,000 คน โดยในจำนวนนี้ 2 ใน 3 เป็นเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ในต่างประเทศในสำนักงานในประเทศและภูมิภาคมากกว่า 60 แห่งทั่วโลก อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่งบอกว่าเส้นตายของการเรียกเจ้าหน้าที่กลับประเทศอาจถูกขยายออกไปได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายแผนกของสำนักงานใหญ่ USAID ในกรุงวอชิงตันถูกสั่งพักงานในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ แต่ยังเหลือเจ้าหน้าที่บางส่วนที่มีความสำคัญที่ได้รับคำสั่งให้ช่วยระบุโครงการที่จะถูกปิดลง

 

การสั่งปิดสำนักงานของ USAID ทั่วโลกนี้มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ได้ผลักดันให้มีการรวมหน่วยงาน USAID เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ทางหน่วยงานไม่ได้มีสถานะเป็นองค์กรอิสระอีกต่อไป

 

ขณะที่หลายร้อยโครงการของทางหน่วยงานมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยเหลือหลายประเทศทั่วโลกถูกระงับหลังได้รับผลกระทบจากคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ในการระงับความช่วยเหลือต่างชาติเกือบทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าการช่วยเหลือเหล่านี้จะสอดคล้องไปกับนโยบาย America First ของเขา

 

ทรัมป์ได้มอบหมายให้นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐที่ดำรงตำแหน่งผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ลดขนาดองค์กร USAID โดยมัสก์กล่าวหาว่า USAID เป็นองค์กรก่อการร้าย ขณะที่นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่าขณะนี้เขาเป็นรักษาการหัวหน้า USAID และหน่วยงานนี้ไม่มีประสิทธิภาพและอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานไม่เต็มใจที่จะตอบคำถามใดๆ เกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของ USAID

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568