เปิดฉากประชุมแผนยุติสงครามในยูเครนระหว่างสหรัฐ และรัสเซีย ณ กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งการประชุมนี้ยังถือเป็นการปูทางสู่การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อีกด้วย

 

รอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ และรัสเซียได้เริ่มประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางยุติความขัดแย้งในยูเครน และฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ และรัสเซีย รวมถึงปูทางสู่การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน

 

ฝ่ายรัสเซียได้ส่งเซอร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อุชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายของ ปธน.ปูติน ขณะที่ฝ่ายสหรัฐ  ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไป 3 คน ได้แก่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ, ไมค์ วอลต์ซ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษประธานาธิบดีประจำตะวันออกกลาง

 

นอกจากนี้ คิริลล์ ดิมิทรีเยฟ ซีอีโอของกองทุนการลงทุนโดยตรงรัสเซีย หรืออาร์ดีไอเอฟ (RDIF) และอดีตพนักงานโกลด์แมนแซคส์ ก็มีส่วนร่วมในการหารือระหว่างสองประเทศด้วย

ขณะที่ฝ่ายยูเครน ที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ย้ำเตือนไว้ว่า จะต้องไม่มีการบรรลุข้อตกลงสันติภาพใดๆ ในกรุงยาด

 

ด้านดิมิทรีเยฟ กล่าวกับนักข่าวในริยาดว่า “เราเห็นจริงๆ ว่าประธานาธิบดีทรัมป์ และทีมของเขาเป็นนักแก้ไขปัญหา เป็นคนที่ได้แก้ไขปัญหาท้าทายมากมาย มีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จมากๆ”

 

อดีตพนักงานโกลด์แมนแซคส์รายนี้ ยังเคยมีบทบาทในการติดต่อกันระยะแรกระหว่างรัฐบาลมอสโก และรัฐบาลวอชิงตัน ในช่วงการดำรงตำแหน่ง ปธน.วาระแรกของทรัมป์ระหว่างปี 2559-2563

 

นอกจากนี้ ดิมิทรีเยฟยังได้พูดถึงความสูญเสียของภาคธุรกิจสหรัฐหลังจากนำธุรกิจออกจากรัสเซีย จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในหลายประเทศ และแสดงความมุ่งหวังที่จะร่วมแก้ไขปัญหากับสหรัฐ

 

ฝ่ายรัฐบาลเครมลินชี้ว่า การหารือระหว่างรัสเซีย และสหรัฐจะครอบคลุมในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาหาข้อยุติสงครามยูเครน และการพบปะกันระหว่างสองประธานาธิบดี

 

ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากผู้นำในยุโรปเข้าร่วมประชุมฉุกเฉินในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับสงครามยูเครน หลังกังวลว่าอาจไม่ได้มีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพ

 

ในที่ประชุมฉุกเฉิน ผู้นำยุโรปได้เรียกร้องให้เพิ่มการลงทุน และการใช้จ่ายกลาโหม และแสดงความเป็นผู้นำในการรับประกันความมั่นคงให้ยูเครน แต่ยุโรปยังมีความเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นนี้

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568