สสว. ห่วงภาษีทรัมป์ กดส่งออก SMEs วูบ 3.8 หมื่นล้านบาท
สสว. ประเมินการส่งออกของเอสเอ็มอีไทย ห่วงภาษีทรัมป์กดมูลค่าส่งออกลด 3.8 หมื่นล้าน จีดีพี SMEs ลด 0.2%
รายงานข่าวจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) แจ้งว่า สสว.ได้ประเมินการส่งออก SMEs ไทย ภายใต้สงครามการค้า ยุคทรัมป์ 2.0 โดยกรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมที่กระทบกับหลายประเทศรวมถึงไทยที่จะถูกเก็บอัตราษีสูงถึง 37% มีผลตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2025 เป็นต้นไปนั้น
จากข้อมูลการส่งออกปี 2024 พบว่า SMEs พึ่งพาตลาดสหรัฐสูงถึง 20% ด้วยมูลค่า 7,634 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเอสเอ็มอีมีส่วนแบ่งของการส่งออกไทยไปสหรัฐที่ 14% โดยสหรัฐเป็นตลาดส่งออกของเอสเอ็มอีลำดับที่ 2 รองจากจีน
ขณะที่เอสเอ็มอีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 2,563 ล้านเหรียญ ทำให้เอสเอ็มอีเกินดุล 5,070 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2025 นี้ เอสเอ็มอียังส่งออกไปสหรัฐมูลค่ารวม 1,440 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 39.6%
สินค้าส่งออกสำคัญ 5 ลำดับแรก ได้แก่ อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักร อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ และพลาสติก คิดเป็นสัดส่วน 75% ของมูลค่าส่งออกของเอสเอ็มอีไปยังสหรัฐทั้งหมด
สำหรับผลกระทบจากมาตรการขึ้นกำแพงภาษีครั้งนี้ สสว.ประมาณการว่ามูลค่าส่งออกของเอสเอ็มอีไปยังสหรัฐปี 2568 จะลดลง 1,128 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 38,300 ล้านบาท และอาจส่งผลให้ จีดีพี เอสเอ็มอี ปี 2568 ลดลง 0.2% จากที่ สสว.ประมาณการการขยายตัวไว้ที่ 3.5%
ทั้งนี้ ความรุนแรงของผลกระทบดังกล่าวขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองของรัฐบาลไทย รวมทั้งมาตรการตอบโต้ของประเทศคู่ค้าอื่น ๆ
สสว.ได้วิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ส่งออกเอสเอ็มอีในเบื้องต้นพบว่ามีสินค้า 12 กลุ่มหลักที่พึ่งพิงการส่งออกไปสหรัฐในระดับสูง (การส่งออกสินค้ากลุ่มนั้นไปยังสหรัฐเป็นตลาดหลักเกินกว่า 10% และมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ) จะกระทบกับเอสเอ็มอีประมาณ 3,700 ราย ดังนี้
(1)กลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้า ได้แก่ เครื่องโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เครื่องส่งวิทยุ กล้อง ถ่ายบันทึกภาพดิจิทัล และลวดเคเบิ้ล
– มูลค่าส่งออก : 2,792 ล้านเหรียญสหรัฐ
– สัดส่วน SMEs : 34%
– พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 59%
– จำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอี : 914 ราย
(2)กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ ได้แก่ พลอยและเครื่องประดับเพชรพลอยรูปพรรณ
– มูลค่าส่งออก : 758 ล้านเหรียญสหรัฐ
– สัดส่วน SMEs : 45%
– พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 19%
– จำนวนผู้ส่งออก 885 ราย
(3)กลุ่มเครื่องจักรและส่วนประกอบ ได้แก่ อุปกรณ์เครื่องปรับอากาศ ก๊อก วาล์ว ส่วนประกอบเครื่องยนต์ อากาศยาน
– มูลค่าส่งออก : 466 ล้านเหรียญสหรัฐ
– สัดส่วนเอสเอ็มอี : 25%
– พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 52%
– จำนวนผู้ส่งออก SMEs : 156 ราย
(4)กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ โซฟา โคมไฟ อุปกรณ์ส่องสว่าง เฟอร์นิเจอร์การแพทย์
– มูลค่าการส่งออก : 432.15 ล้านเหรียญสหรัฐ
– สัดส่วนเอสเอ็มอี : 45%
– พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 68%
– จำนวนผู้ส่งออก SMEs : 400 ราย
(5)ของทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า เช่น ข้อต่อ ลวดเกลียว สลิง ตะปู สะพานและชิ้นส่วน ประตูน้ำ เครื่องสุขภัณฑ์ ของใช้ในครัว และโต๊ะอาหาร
– มูลค่าการส่งออก : 181.07 ล้านเหรียญสหรัฐ
– สัดส่วน เอสเอ็มอี : 24%
– พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 31%
– จำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอี : 422 ราย
(6)ยานยนต์และชิ้นส่วน ได้แก่ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถพ่วงและกึ่งพ่วง
– มูลค่าการส่งออก : 116 ล้านเหรียญสหรัฐ
– สัดส่วน เอสเอ็มอี : 8%
– พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 21%
– จำนวนผู้ส่งออก SMEs : 138 ราย
(7)ของปรุงแต่งทำจากพืช ผัก ผลไม้ ได้แก่ น้ำผลไม้ ผลไม้ ผักผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม แยม
– มูลค่าการส่งออก : 73.97 ล้านเหรียญสหรัฐ
– สัดส่วนเอสเอ็มอี : 10%
– พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 14%
– จำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอี : 293 ราย
(8)อะลูมิเนียมและของทำด้วยอะลูมิเนียม ได้แก่ สิ่งก่อสร้างทำด้วยอะลูมิเนียม ภาชนะอะลูมิเนียมสำหรับบรรจุก๊าซอัดหรือก๊าซเหลว และของอื่น ๆ ทำด้วยอะลูมิเนียม
– มูลค่าการส่งออก : 68.23 ล้านเหรียญสหรัฐ
– สัดส่วนเอสเอ็มอี : 55%
– พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 53%
– จำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอี : 74 ราย
(9)เครื่องแต่งกายถักแบบนิตหรือแบบโครเชต์ ได้แก่ เสื้อกั๊ก เสื้อผ้าของเด็กเล็ก สูท เชิ้ต ถุงมือทุกชนิด เสื้อโอเวอร์โค้ตของบุรุษ ชุดวอร์ม ชุดสกี และชุดว่ายน้ำ
– มูลค่าการส่งออก : 50.67 ล้านเหรียญสหรัฐ
– สัดส่วนเอสเอ็มอี : 17%
– พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 41%
– จำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอี : 190 ราย
(10)ธัญพืช ได้แก่ ข้าว
– มูลค่าการส่งออก : 42.00 ล้านเหรียญสหรัฐ
– สัดส่วนเอสเอ็มอี : 5%
– พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 11%
– จำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอี : 85 ราย
(11)กลุ่มยางและผลิตภัณฑ์ยาง ได้แก่ แผ่นยางปูพื้น ยางกันกระแทก ท่อยางอุตสาหกรรม
– มูลค่าส่งออก 24 ล้านเหรียญสหรัฐ
– สัดส่วนเอสเอ็มอี : 16%
– พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 16%
– จำนวนผู้ส่งออก เอสเอ็มอี : 121 ราย
(12)กลุ่มเนื้อสัตว์แปรรูป ได้แก่ สัตว์น้ำแปรรูป จำพวก กุ้ง หอย ปู
– มูลค่าส่งออก 14 ล้านเหรียญสหรัฐ
– สัดส่วน เอสเอ็มอี : 7%
– พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 49%
– จำนวนผู้ส่งออก เอสเอ็มอี : 30 ราย
เพื่อรองรับมาตรการดังกล่าว เอสเอ็มอีไทยจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน โดยมุ่งเน้นการค้นหาตลาดใหม่และคู่ค้าในภูมิภาค รวมทั้งหาประโยชน์จากกฎเกณฑ์การค้าผ่านข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) และใช้ฐานการผลิตจากประเทศที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาษี
นอกจากนี้ รัฐบาลควรให้การสนับสนุนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการลงทุน และเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน ทำให้ภาคเอกชนสามารถบริโภคได้มากขึ้น ลดการพึ่งพาการส่งออก และกระตุ้นการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ไทยยังต้องเผชิญกับการไหลบ่าของสินค้าจากประเทศอื่น ๆ ที่แสวงหาตลาดทดแทนสหรัฐ ดังนั้น การเร่งสร้างมาตรการรองรับ รวมถึงการเพิ่มความตระหนักให้ผู้ซื้อพิจารณาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการขาดดุลการค้าที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 4 เมษายน 2568