เอกสารทำเนียบขาวล่าสุดระบุ "จีน" เจอภาษีนำเข้าสหรัฐสูงสุด 245% โทษฐานดำเนินมาตรการตอบโต้กลับ แต่ไม่มีการชี้แจงว่าตัวเลข 245% มาจากไหน

 

ในประกาศ Fact Sheet ของ "ทำเนียบขาว" เรื่องการตั้งสอบแร่สำคัญภายใต้มาตรา 232 ลงวันที่ 15 เม.ย. นั้น มีการระบุข้อความตอนหนึ่งในเรื่อง "การเสริมความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมของสหรัฐ" ว่า

 

"ในวันปลดแอก (2 เม.ย.) ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศในอัตรา 10% และกำหนดอัตราภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นแบบรายบุคคลต่อประเทศที่สหรัฐขาดดุลการค้ามากที่สุด เพื่อสร้างมาตรฐานที่เท่าเทียมกันและปกป้องความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา

 

มีประเทศต่างๆ มากกว่า 75 ประเทศที่ติดต่อเข้ามาเจรจาหารือเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าใหม่ ส่งผลให้ปัจจุบันมีการระงับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น ยกเว้น "จีน" ที่มีการตอบโต้กลับ 

 

ปัจจุบัน จีนเผชิญกับภาษีนำเข้าในอัตราสูงสุดถึง 245% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐอันเป็นผลจากการตอบโต้"

 

อย่างไรก็ตาม ทางทำเนียบขาวและหน่วยงานอื่นๆ ของสหรัฐ ยังไม่มีการชี้แจงตัวเลข 245% นี้ว่าเป็นมาอย่างไร โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างอิงถึงการเก็บภาษีจีน และสื่อต่างๆ อ้างอิงในปัจจุบันยังเป็นตัวเลขที่ 145% 

 

ด้านเพจเฟซบุ๊กของ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ระบุว่า "ตอนนี้คนทั้งโลกสับสนกันอย่างยิ่งว่า ที่มาชี้แจงล่าสุดในเอกสาร Factsheet ของทำเนียบขาว ซึ่งหลายสำนักบอกว่า สหรัฐจะคิดภาษีจีนเพิ่มอีกรอบ ตกลงแล้ว เป็นของใหม่ ที่เพิ่มจาก 145%? เป็นการลงโทษจีนเพิ่มอีก ในฐานะที่มาตอบโต้ หรือว่าเป็นภาษีของเก่าที่เอามารวมกัน"

 

ดร.กอบศักดิ์ ได้อ้างอิงรายงานของ New York Times ว่า ในบางสินค้าเช่น "เข็มฉีดยา" เคยมีการตั้งภาษีนำเข้าเอาไว้สูงถึง 100% ในวาระแรกยุครัฐบาลทรัมป์ 1.0 ดังนั้นเมื่อมารวมกับภาษีในปัจจุบันอีก 145% ของยุคทรัมป์ 2.0  จึงได้ผลเป็นอัตราสูงสุดที่ 245% ตามที่ Factsheet ล่าสุดเขียนไว้

 

ทั้งนี้ มีการตรวจสอบในประกาศคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) วันที่ 15 เมษายน ที่ระบุเกี่ยวกับมาตรา Section 232 และอื่นๆ ในวันดังกล่าว ไม่มีการประกาศขึ้น Reciprocal Tariffs รวมทั้งไม่มีการระบุถึงเรื่องนี้ในแพลตฟอร์มโซเชียล Trump Truth Social เช่นกัน

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 16 เมษายน 2568