ญี่ปุ่นเตรียมใช้มาตรการไม่ต่อสถานะพำนักระยะกลางและระยะยาวใช้กาชาวต่างชาติที่ค้างชำระค่ารักษาพยาบาล ภาษี และเบี้ยประกันสังคม
รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนที่จะใช้ประวัติการชำระค่ารักษาพยาบาล ภาษี และเบี้ยประกันสังคมของชาวต่างชาติเป็นข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาต่อสถานะพำนักระยะกลางและระยะยาว รวมไปถึงการต่อวีซ่านักศึกษาและวีซ่าครอบครัวด้วย ซึ่งแผนดังกล่าวมีกำหนดใช้ในภายในเดือนมิถุนายน 2570 ซึ่งตามกฎหมายของญี่ปุ่นนั้น ชาวต่างชาติที่ต้องการพำนักในญี่ปุ่น 3 เดือนหรือมากกว่าจะต้องเข้าระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ เว้นแต่ชาวต่างชาติรายนั้นมีประกันสุขภาพโดยนายจ้าง ในปัจจุบัน เขตหรือเทศบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบการจัดเก็บเบี้ยประกันสุขภาพ
ทั้งนี้ พบว่าตั้งแต่ปี 2563 ตม. ญี่ปุ่นได้ร่วมกับเขต/เทศบาลประมาณ 30 แห่ง ทดลองใช้ระบบการพิจารณาต่อสถานะการพำนักโดยให้ชาวต่างชาติยื่นหลักฐานชำระเบี้ยประกันสุขภาพประกอบ และอาจถูกปฏิเสธหากค้างมีการค้างชำระเบี้ยประกันสุขภาพได้ และตั้งแต่ปี 2564 กระทรวงสาธารณสุขฯ ญี่ปุ่นยังได้เริ่มจัดเก็บข้อมูลชาวต่างชาติที่ค้างชำระ ค่ารักษาพยาบาลในญี่ปุ่นตั้งแต่ 200,000 เยนขึ้นไป จากสถานพยาบาลที่สมัครใจให้ข้อมูลดังกล่าว
โดย กระทรวงสาธารณสุขฯ ได้ส่งข้อมูลดังกล่าวให้ ตม. ญี่ปุ่นใช้ประกอบการพิจารณาออกวีซ่าเพื่อการพำนักระยะ ซึ่งจากสถิติในปี 2567 พบว่า ร้อยละ 65.3 ของสถานพยาบาลที่รับชาวต่างชาติเข้ารับการรักษา มี ยอดค้างชำระค่ารักษาพยาบาล โดยจากคนไข้ที่ค้างค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด จ้างค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด เป็นชาวต่างชาติเพียงร้อยละ 29.3 และค่ารักษาพยาบาลที่ชาวต่างชาติค้างชำระก็มีมูลค่าคิดเป็นเพียงร้อยละ 1.4 ของยอดค้างชำระทั้งหมด
อนึ่ง รัฐบาลญี่ปุ่นจะพิจารณากำหนดให้หน่วยงานส่วนท้องถิ่นเก็บข้อมูลการชำระภาษีและเบี้ย ประกันสังคมต่าง ๆ ของชาวต่างชาติ อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวอาจไม่สามารถบังคับใช้กับสถานพยาบาลได้ (ข้อมูล : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว)
ที่มา globthailand
วันที่ 9 สิงหาคม 2568