จีนเปลี่ยนกลยุทธ์ใช้ "เศรษฐกิจเป็นอาวุธ" กดดันคู่ค้า ควบคุมห่วงโซ่การผลิต
KEY POINTS :
* จีนเปลี่ยนกลยุทธ์จากการลงโทษคู่ค้าด้วยการจำกัดการเข้าถึงตลาดผู้บริโภค มาเป็นการควบคุมการส่งออกวัตถุดิบและเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น แร่หายาก เพื่อสร้างแรงกดดัน และควบคุมห่วงโซ่การผลิตของประเทศอื่น
* รัฐบาลจีนได้สร้างระบบใบอนุญาตส่งออกสำหรับสินค้าสำคัญกว่า 700 รายการ ทำให้สามารถระงับการส่งออกไปยังบริษัทหรือประเทศเป้าหมายได้ทันที เพื่อใช้เป็นอาวุธทางเศรษฐกิจในการต่อรอง และตอบโต้
* เป้าหมายของกลยุทธ์นี้คือ การสร้างสถานการณ์ที่โลกต้องพึ่งพาจีนในห่วงโซ่การผลิต ซึ่งได้สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในสหรัฐ สหภาพยุโรป และอินเดียแล้ว แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของจีนในระยะยาว
บทวิเคราะห์ “How scared should you be of "th1.0e China squeeze" ของดิอีโคโนมิสต์ ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวไว้ว่า "รัสเซียชนะคุณด้วยสงคราม ในขณะที่จีนชนะคุณด้วยการค้า" คำพูดนี้ดูเหมือนจะมีมูลความจริงมากขึ้น หลังจากที่สงครามการค้าจีน-สหรัฐดำเนินมานานหลายเดือนแล้ว ตอนนี้จีนกำลังใช้เวลานี้ในการพัฒนาอาวุธทางเศรษฐกิจที่ทรงอานุภาพ
จีนเปลี่ยนกลยุทธ์จากเดิมที่เคยลงโทษประเทศอื่นด้วยการห้ามเข้าถึงตลาดผู้บริโภคจีน เช่น ไวน์ออสเตรเลียหรือเนื้อลิทัวเนีย มาเป็นการ “บดขยี้” ห่วงโซ่การผลิต และอุตสาหกรรมต่างประเทศที่ต้องพึ่งพาจีน
ความสำเร็จของจีนเริ่มปรากฏชัดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เมื่อเดือนเม.ย. จีนตอบโต้ภาษีอเมริกันด้วยการหยุดส่งออกแร่หายาก และแม่เหล็กที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมอเมริกัน ภายในไม่กี่สัปดาห์ อุตสาหกรรมยานยนต์อเมริกันมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ต้องอยู่ในสภาวะตื่นตระหนก และทรัมป์ต้องรีบเข้ามาเจรจาเพื่อสงบศึกกับจีนกว่าร้อยวัน
เช่นเดียวกัน เดือนก.ค. ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ก็ต้องวิตกกังวลเมื่อเห็นโฟลว์การซื้อขายแร่หายาก และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ไปยุโรปชะลอตัวโดยไม่มีคำอธิบาย จนผู้นำอียูต้องรีบเข้าไปเจรจากับสี จิ้นผิง เพื่อขอให้ปักกิ่งเร่งส่งสินค้าดังกล่าวเข้ายุโรป
แผนการนี้สอดคล้องกับแนวคิดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เรียกร้องในปี 2020 ให้จีนสร้างสถานการณ์ที่โลกต้องพึ่งพาจีนฝ่ายเดียว โดยลดการพึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันทำให้ห่วงโซ่การผลิตระหว่างประเทศ "ต้องพึ่งพาจีนมากขึ้น" สี จิ้นผิงเรียกสิ่งนี้ว่า "อาวุธสำคัญในการตอบโต้และป้องกัน"
ข้อมูลจากวิคกิ้ง โบห์แมน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยทัฟต์สและคณะ ชี้ให้เห็นว่าการใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2025 เพิ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
ระบบ 'ไลเซนส์' เครื่องมือคุมการค้าจีน :
ปัจจุบันปักกิ่งสร้างระบบใบอนุญาตส่งออกสำหรับสินค้ากว่า 700 รายการ รวมถึงเครื่องจักรการผลิตที่ทันสมัย วัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่ เทคโนโลยีชีวภาพ เซนเซอร์ และแร่ธาตุสำคัญ หลายรายการเป็นสินค้าที่เกือบทั้งโลกต้องมาซื้อกับจีนเท่านั้น
ที่สำคัญ บทวิเคราะห์ของดิอีโคโนมิสต์ ระบุว่า ระเบียบเหล่านี้ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถปิดการส่งออกได้เพียงยกเลิกใบอนุญาต เพราะผู้ผลิตจีนต้องรายงานกับทางการว่าคู่ค้ากับตัวเองคือใคร ทำให้รัฐบาลสามารถหยุดส่งแร่หายากให้บริษัทในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศในตะวันตกเฉพาะรายได้
อินเดียคือ หนึ่งในประเทศที่จีนใช้มาตรการนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากท่าทีของแอปเปิลที่ต้องการลดการพึ่งพาจีนไปหาอินเดียมากขึ้น สิ่งที่สี จิ้นผิงทำคือ การไม่อนุมัติใบอนุญาตส่งเครื่องจักรที่ทันสมัยไปอินเดีย และการจำกัดเครื่องมือ และแร่หายากดิสโพรเซียมทำให้การผลิตไอโฟน และแอร์พอดส์ชะลอตัว
บทวิเคราะห์ของดิอีโคโนมิสต์ ระบุเพิ่มเติมว่า เดือน มิ.ย. ฟ็อกซ์คอนน์ หนึ่งในซัพพลายเชนของแอปเปิลจากไต้หวันเรียกวิศวกรจีนกว่า 300 คนออกจากอินเดีย แสดงว่าการเคลื่อนไหวล่าสุดอาจเป็นความร่วมมือระหว่างปักกิ่ง และฟอกซ์คอนน์
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 13 สิงหาคม 2568