ผวา ไทยไร้แผนเซมิคอนดักเตอร์ เอกชนบี้รัฐคลอดมาสเตอร์แพลน รับศึกการค้าโลก
เอกชน ผวาไทยขาดแผนเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ แนะรัฐเร่งทำแพลนระยะยาว ดึงหลายหน่วยงานร่วมขับเคลื่อน เพิ่ม Local Content–Local Knowhow รับมือความเสี่ยงสงครามการค้าโลก
วันนี้ (14 สิงหาคม 2568) สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระกรวงพาณิชย์ ได้มีการจัดงาน สัมมนา "โครงการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างภาคการส่งออกเพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยในตลาดโลกให้เติบโตอย่างยั่งยืน" ซึ่งภายในงาน ได้มีกาการเสวนา "ศักยภาพการส่งออกของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของไทย"
นายนัยวุฒิ วงษ์โคเมท อุปนายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมไทยเซมิคอนดักเตอร์ เปิดเผยว่า สมาคมเซมิคอนดักเตอร์มีเกือบทุกประเทศในโลก แต่ไทยเพิ่งมีการก่อตั้ง สิ่งที่น่าสนใจของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์คือ ไทยยังไม่มี แผนยุทธศาสตร์เซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ
ขณะที่ประเทศในภูมิภาคเดียวกันมี อาทิ มาเลเซีย ซึ่งชี้ให้เห็นว่าไทยล้าหลัง อย่างไรก็ตาม ชิปเซมิคอนดักเตอร์ มีการผลิตถึง 40% เป็นหัวใจของการส่งออก แต่หากดูชิปวอร์ ไม่มีชื่อไทยแลนด์แม้แต่นิดเดียว
นายนัยวุฒิ กล่าวว่า สิ่งที่น่าห่วงของสหรัฐฯ คือ ประเด็น Transshipment กลายเป็น uncertainty (ความไม่แน่นอน) ส่วนประเด็นการย้ายฐานก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ตลาดในโลกนี้จะสามารถเพิ่มสัดส่วนส่งออกตลาดอื่นได้อีกหรือเปล่า ควรมองการแก้ปัญหาเป็นเรื่องๆมากกว่า
"อยากฝากถึงรัฐบาลว่า งบสนับสนุนควรวางมาสเตอร์แพลนระยะยาว รวมถึง Local purchase หรือการจัดซื้อ 2 มุม คือความต่อเนื่องของอุตสาหกรรม โดยการเพิ่มมาตรการ Local content ควรเพิ่ม Local Knowhow และ Local chip หากใครทำก็ควรได้สิทธิประโยชน์ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่นโยบาย" นายนัยวุฒิ ระบุ
อย่างไรก็ตาม นอกจากหน่วยงานหลักอย่างบีโอไอที่จะเดินหน้ามาสเตอร์แพลน ควรมีกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศเข้ามามีบทบาท ซึ่งอุตสาหกรรมนี้เป็นอุตสาหกรรมที่ยาก ต้องร่วมมือกันหลายหน่วยงาน
นายกิตติศักดิ์ เงินงอกงาม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน บริษัท เดลต้า อีเล็กโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เดลต้ามีการลงทุน R&D ประมาณ 8.3% เพื่อพัฒนาโปรดักส์โรงงานแต่ละประเทศ
ขณะที่กรณีภาษีทรัมป์ เรามองเกมระยะยาวมากกว่า ส่วนสำคัญคือ วันนี้คำว่า Made in Thailand สำคัญมาก รัฐต้องเจาะเฉพาะกลุ่มเชิงลึกที่มากกว่าการ Business maching เดลต้าเองก็อยากใช้ซัพพลายเอร์เมืองไทย ที่ผลิตโดยคนไทย เพื่อสกัดการสวมสิทธิ์สินค้า
ด้านนายเสวก ประกิจฤธานนท์ อุปนายกและเลขาธิการ สมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย (PCB) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมนี้เป็น Long term เกม ความเสี่ยงที่น่าห่วงไม่ใช่เรื่องภาษีอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของสงครามการค้า ซึ่งยกตัวอย่างซัมซุง ที่ส่งออกไปเวียดนาม มีการเจรจากับวอชิงตัน ไว้แล้ว Brand Owner
ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องจับตาคือ สหรัฐต้องการให้ถิ่นฐานสินค้ามาจากไทย นอกจากสินค้า ต้องลงลึกไปถึงผู้ถือหุ้น อยากฝากรัฐบาลให้คิดอย่างจริงจัง เพราะเรื่อง Non tariff แก้ยาก แต่ก็เป็นโอกาสมากกว่า อย่างไรก็ดีเมืองไทยเป็นเมืองที่หลบพายุได้ดีที่สุดในอีก 10 ปีข้างหน้า
“ภาษีตอบโต้ ทำให้คนสหรัฐซื้อของน้อยลง กระทบคนสหรัฐเอง ท้ายที่สุดการย้ายฐานการผลิตไม่ใช่เรื่องง่าย เกมนี้เป็นเกมยาว เล่นทั้งซัพพลายเชน เราต้องเตรียมรับมือซึ่งไม่ใช่แต่เอกชนที่ทำได้ ต้องค่อยๆสร้าง เตรียมพร้อม ระยะยาวเช่นคน แรงงานฝีมือ พลังงานสีเขียว เพราะเราส่งออกอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก” นายเสวก กล่าว
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 14 สิงหาคม 2568