สหรัฐบีบภาษีหนัก-สินค้าแดนมังกรทะลัก ไทยเสี่ยงขาดดุลจีน 1.8 ล้านล้าน
จับตาสหรัฐคงภาษีจีน 30% บีบสินค้าแดนมังกรทะลักไทยเพิ่ม ผู้เชี่ยวชาญชี้ปี 68 ไทยมีโอกาสขาดดุลจีนพุ่ง 1.7-1.8 ล้านล้าน อีกด้านผวาสวมสิทธิสินค้าไทยส่งออกไปสหรัฐ โดนโขกภาษีอ่วม 40% สภาอุตฯ ห่วงลามกระทบ 30 อุตสาหกรรมในปีนี้
สงครามการค้าที่มีจุดเริ่มจากสหรัฐอเมริกา-จีน ที่ลุกลามขยายวงเป็นสงครามการค้าโลก มีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้คุมเกม โดยสั่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าทั่วโลก(Reciprocal Tariffs) ในอัตรา 10-50% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เป็นต้นมา ส่งผลให้ทุกประเทศที่ส่งออกสินค้าไปสหรัฐมีต้นทุนด้านภาษีเพิ่ม

โดยที่ไทยถูกเก็บภาษีที่ 19 % ขณะที่จีนผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่สุดของโลกได้รับการยืดเวลาภาษีนำเข้าที่ 30% ออกไปอีก 90 วัน(สิ้นสุด 10 พ.ย. 2568) หลายฝ่ายแสดงความกังวลสินค้าจีนจะทะลักมายังอาเซียน ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยเพิ่ม และจะส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ในปี 2567 ไทยขาดดุลการค้าจีนกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ในปีนี้มีแนวโน้มที่ไทยจะขาดดุลการค้าจีนเพิ่มขึ้นเป็น 1.7-1.8 ล้านล้านบาท คาดการณ์ดังกล่าวเป็นไปตามเทรนด์การค้าปกติที่จีนมีเป้าหมายการส่งออกมายังอาเซียน ซึ่งรวมถึงไทยมากขึ้นอยู่แล้ว ยังไม่นับรวมผลกระทบจากภาษี 30% ที่สหรัฐเก็บจากจีนที่จะมีผลกระทบทำให้สินค้าจีนทะลักมาไทยอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นในปีถัดไป
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 20 สิงหาคม 2568