"ทรัมป์" ทอดเงาพาด "จีน" ในประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้
ผู้นำ 3 ประเทศใหญ่ที่สุดของโลก จะมารวมตัวกันในการประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ซัมมิต ที่จีน สุดสัปดาห์นี้ แม้ไม่มีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่เขาคือหัวข้อร้อนๆ ในฟอรัมนี้
เมื่อนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีสี จิ้งผิง จะเข้าร่วมกับผู้นำประเทศอื่นๆ ในนครเทียนจิน เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ครั้งที่ 25 แต่จะไม่มีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่ซ้อมมวยชาวอเมริกันร่วมด้วย
"สำหรับการประชุมสุดยอดครั้งนี้ แม้สหรัฐอาจไม่ร่วมโต๊ะการประชุม แต่ก็ยังมีสหรัฐอยู่ตลอดเวลา" ยุน ซุน ผู้อำนวยการโครงการจีนศึกษา แห่งสถาบันสติมสันในกรุงวอชิงตันกล่าว เพราะ "ทรัมป์ ยังคงเป็นหัวข้อสนทนาในเทียนจิน"
ซูชานต์ สิงห์ อาจารย์ด้านการศึกษาเอเชียใต้แห่งมหาวิทยาลัยเยล คาดการณ์ว่า "สิ่งหนึ่งที่ผู้นำ SCO จะพูดถึงก็คือ สหรัฐ นโยบายและมาตรการทางภาษี"
อย่างการที่นายกรัฐมนตรีโมดี เดินทางไปยังเทียนจีน เพียงไม่กี่วัน หลังรัฐบาลทรัมป์กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียสูงถึง 50% ถือเป็นอัตราภาษีสูงที่สุดที่ทรัมป์กำหนดไว้ในปัจจุบัน โดยทำเนียบขาวระบุเป็นส่วนหนึ่งใช้ลงโทษอินเดีย ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
20 ผู้นำร่วมฟอรัมความมั่นคงระดับภูมิภาค :
ประธานาธิบดีจีน สีจิ้นผิง จะต้อนรับผู้นำโลกกว่า 20 แห่งในการประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ในวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค. นี้
การประชุมสองวันในนครเทียนจิน ทางตะวันออกเฉียงเหนือ จะเป็นฟอรัมความมั่นคงระดับภูมิภาคใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้ากำลังคุกรุ่น
การประชุมครั้งนี้ สี จิ้นผิง จะเป็นเจ้าภาพต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ซึ่งรวมถึงผู้นำจากรัสเซีย อินเดีย พร้อมด้วยผู้นำจากตะวันออกกลาง เอเชียกลาง และเอเชียใต้
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ และเกา กิม ฮวน เลขาธิการสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) จะเข้าร่วมงานด้วย
โมดี ขยับ ภูมิรัฐศาสตร์โลกเปลี่ยน :
นักวิเคราะห์มองว่า ภาษีศุลกากรที่ทรัมป์ใช้กดดัน ทำให้โมดี ยอมประนีประนอมกับจีน และยอมรับสี จิ้นผิง อย่างระมัดระวัง ในช่วงเวลาที่จีนและอินเดีย สองเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่ กำลังปรับความสัมพันธ์เดิมที่เย็นชาต่อกันอยู่
"โมดีไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำข้อตกลงกับสี จิ้นผิง" สิงห์โฟนอินทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ซึ่งการยืนจีนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของผู้นำอินเดียยืนประเทศจีน นับตั้งแต่ปี 2018
ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียตกหล่มในปี 2020 หลังทหารจีนและทหารอินเดีย ปะทะกันครั้งแรกจนมีผู้เสียชีวิต จากเหตุรุนแรงหลายครั้ง ในพื้นที่ชายแดนพิพาทบริเวณเทือกเขาหิมาลัย
แต่หลังสัมพันธ์หยุดชะงักมานาน ทั้งสองประเทศเพิ่งเริ่มให้วีซ่าท่องเที่ยวกับพลเมืองกันและกันอีกครั้ง และกลับมาเปิดเที่ยวบินตรงอีกครั้ง ตั้งแต่ระงับไปในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19
เป็นเวลาหลายปีที่รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและจีน จะไม่สามารถกลับมาเป็นปกติ จนกว่าความตึงเครียดบริเวณชายแดนพิพาทจะได้รับการแก้ไข
เพียงแค่โมดี ปรากฏตัวที่เทียนจิน ถือเป็นสัญลักษณ์แสดงการปรับกลยุทธ์ใหม่ของอินเดีย และแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางทางภูมิรัฐศาสตร์ใหม่
เพื่อนดีที่สุดของเครมลิน :
ไม่ถึงสามสัปดาห์หลังทรัมป์ ปูพรมแดงต้อนรับปูติน ที่ฐานทัพอากาศสหรัฐ ในอลาสก้า โดยวันอาทิตย์ (31 ส.ค.) ปูตินจัดเดินทางเยือนจีน ในช่วงที่ขีปนาวุธของมอสโกยังคงโจมตียูเครนต่อเนื่อง
ปูตินไม่เพียงแต่เข้าร่วมการประชุมสุดยอด SCO ที่นครเทียนจินเท่านั้น แต่ยังเข้าร่วมกับสี จิ้นผิง และคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในพิธีสวนสนามทางทหารครั้งใหญ่ในกรุงปักกิ่ง วันที่ 3 กันยายน นั่นจะเป็นช่วงเวลาเปิดฉากแสดงความสามัคคีระหว่าง 3 มหาอำนาจอย่างชัดเจน
ความสัมพันธ์รัสเซีย จีน เกาหลีใต้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะการค้าข้ามพรมแดนได้เติบโตก้าวกระโดด ขณะเดียวกันรัสเซียและจีนยังมีความร่วมมือด้านความมั่นคง ล่าสุดคือการประกาศร่วมปฏิบัติการลาดตระเวนเรือดำน้ำ ในมหาสมุทรแปซิฟิกครั้งแรก
นักวิเคราะห์ชี้ว่า สิ่งเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านที่เคยไม่ถูกกัน ให้มาสนิทใกล้ชิดขึ้นเรื่อยๆคือ การรับรู้ร่วมกันว่า "สหรัฐเป็นภัยคุกคาม"
ซุน จากสถาบันสติมสันระบุว่า มีคำกล่าวที่รู้กันดีในแวดวงนโยบาย จีนและรัสเซียสามารถแบ่งปันความทุกข์ยากได้ แต่ไม่อาจแบ่งปันความสุขได้
จีนเผชิญกับเศรษฐกิจภายในประเทศที่ตกต่ำ ทั้งยังต้องต่อสู้กับสงครามการค้าอันยาวนานกับสหรัฐ
ขณะเดียวกัน รัสเซียซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดเล็กกว่า และถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติ อันเนื่องจากไปรุกรานยูเครน จึงต้องการความช่วยเหลือจากจีนอย่างยิ่ง
มีรายงานว่า นักการทูตระดับสูงของจีน กล่าวกับเจ้าหน้าที่ยุโรปว่า จีนไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ของรัสเซียในสงครามยูเครนได้
เคลอัส โซออง นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญความสัมพันธ์จีน - รัสเซีย จากสถาบันจีนศึกษาของ Mercator ในเบอร์ลิน กล่าวว่า หากรัสเซียล่มสลาย หรือกลายเป็นประเทศฝั่งเดียวกับตะวันตก จะเป็นการทำลายโครงสร้างความมั่นคงของจีนครั้งใหญ่
พยายามเซ็ทระเบียบโลกใหม่ :
หากย้อนไปในปี 2022 เพียงไม่กี่วันก่อนรัสเซียบุกยูเครน ปูตินและสีพบกันขอบสนามในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ที่ปักกิ่ง เพื่อเรียกร้องให้ระเบียบโลกใหม่มีระบบพหุภาคีเป็นศูนย์กลาง
ตัดภาพมาปัจจุบัน ขณะที่ผู้นำหลายแห่งในโลกมารวมกัน เพื่อร่วมประชุมสุดยอด SCO ในนครเทียนจิน และขบวนสวนสนามฉลองชัยชนะสงครามโลกครั้งที่สอง ในกรุงปักกิ่ง คาดว่า สี จิ้นผิง จะส่งเสริมให้จีนเป็นทางเลือกที่มั่นคง แทนวอชิงตัน
"จีนกำลังใช้โอกาสนี้ เพื่อแสดงให้เพื่อนบ้านของจีนเห็นว่า จีนเป็นผู้นำที่มีความเมตตา เป็นมหาอำนาจที่เอื้อเฟื้อ เชื่อถือได้ และคาดเดาจิตใจจีนได้" ผู้อำนวยการจีนศึกษาของสถาบันสติมสันกล่าว
มีความเป็นจริง องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้มีจุดอ่อนเชิงโครงสร้าง และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นระหว่างประเทศสมาชิก และผู้เจรจาหลายประเทศ อย่างคู่ของอินเดียกับปากีสถาน คู่ทาจิกิสถานกับคีร์กีซสถาน อาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจาน
อย่างไรก็ตาม การประชุมที่มีประเทศจากยูเรียเซียเข้าร่วมครั้งนี้ อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า สำหรับประเทศต่างๆ ที่กำลังกังวลเกี่ยวกับสหรัฐ และสถานการณ์จากสหรัฐที่คาดเดายากขึ้นเรื่อยๆ ในเวทีโลก
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 30 สิงหาคม 2568