การแข่งขันเพื่อแย่งความสนใจ | มองมุมใหม่
ปัจจุบันการแข่งขันของหลายธุรกิจจะไม่ใช่แข่งกันเพื่อขายสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่เป็นการแข่งกันเพื่อแย่งความสนใจ (Attention) ของประชาชนและผู้บริโภคด้วย ในยุคที่มีข้อมูลและทางเลือกที่มากมาย
ขณะที่ความสนใจของคนมีเท่าเดิม ทำให้ธุรกิจต้องคิดมากขึ้นว่าจะทำอย่างไรถึงจะดึงดูดสนใจของลูกค้าได้ นอกจากในโลกธุรกิจแล้ว ความพยายามในการดึงดูดและแย่งความสนใจของบุคคลใกล้ตัวก็เป็นสิ่งที่พบเห็นได้เป็นปกติในชีวิตประจำวันทั่วไป
แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจแห่งความสนใจหรือ Attention Economy มีมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1970 แล้ว โดย Herbert Simon นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เคยระบุไว้ว่า “ความมั่งคั่งของข้อมูล นำไปสู่ความขาดแคลนของความสนใจ” ยิ่งข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความสามารถในการดึงดูด ความสนใจของคนมีความสำคัญมากขึ้น
ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากขึ้น ยิ่งที่ให้ความสนใจของคนเป็นสิ่งที่ขาดแคลนมากขึ้น การแข่งขันในหลายธุรกิจจะเน้นไปที่ความสามารถในการดึงดูดและครองความสนใจของลูกค้าให้นานที่สุด และความสามารถแปลงความสนใจดังกล่าวให้เป็นรายได้
ธุรกิจบนโลกออนไลน์ คือธุรกิจที่แข่งขันเพื่อแย่งชิงความสนใจของลูกค้าอย่างรุนแรงที่สุด รายงานในปี 2568 จาก Evoca TV ระบุว่า คนทั่วโลกใช้เวลาเฉลี่ย 6 ชั่วโมง 40 นาที ต่อวันกับหน้าจอที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้แพลตฟอร์มออนไลน์และแอปต่างๆ พยายามออกแบบและสร้างประสบการณ์ให้คน “ติด” และกลับไปใช้ซ้ำ
อย่างเช่น TikTok มีการใช้อัลกอริทึมและ machine learning วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ (การกดไลก์ แชร์ ความยาวการดู ฯลฯ) เพื่อคัดเลือกวิดีโอที่ น่าจะใช่สำหรับแต่ละคน หากผู้ใช้เปลี่ยนความสนใจ อัลกอริทึมก็ปรับตาม หรือ Netflix ใช้โมเดลความน่าจะเป็นในการคัดสรรหนังหรือซีรีส์ที่ตรงกับรสนิยมผู้ชมแต่ละคนในเวลาอันสั้น เพื่อให้ผู้ใช้ขยับจากเรื่องหนึ่งไปสู่อีกเรื่องอย่างไม่รู้ตัว
สำหรับธุรกิจออฟไลน์การดึงดูดความสนใจของลูกค้า จะอยู่ในรูปแบบของการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ โดยมีแนวทางในการสร้างประสบการณ์และดึงดูดความสนใจของลูกค้าสำหรับธุรกิจออฟไลน์ไว้ดังนี้
1)รู้จักกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักและทำการสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าหลัก
2)มีสินค้าหรือบริการที่เป็นฮีโร่หรือที่โดดเด่นที่สุด ที่ทำให้คนจดจำได้
3)มีเรื่องเล่าที่น่าดึงดูด ไม่ว่าจะเป็น ที่มาของธุรกิจ วัตถุดิบหรือแรงบันดาลใจ ที่จะสร้างความผูกพัน
4)ทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมผ่านทางกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ลงมือทำและสนใจมากขึ้น
5)สร้างความน่าเชื่อถือ เช่น เปิดให้รีวิวอย่างจริงใจ การตอบคำถาม การสร้างความมั่นใจ และความพร้อมที่จะคืนเงิน
6)การต่อเชื่อมต่อระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็นผ่าน Line หรือ QR ทั้งเพื่อเก็บข้อมูล ส่งมอบสิทธิพิเศษ หรือ ดึงดูดให้ลูกค้ากลับมา และ
7)การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย โดยร่วมมือกับธุรกิจใกล้เคียงหรือที่เกี่ยวข้อง ทั้งเพื่อจัดกิจกรรมร่วมกันหรือการมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าร่วมกัน
แนวทางทั้ง 7 ข้อข้างต้นจะช่วยให้ร้านออฟไลน์สามารถเปลี่ยนจากแค่การขายของเป็นการสร้างประสบการณ์และช่วยในการดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้
นอกจากที่ธุรกิจจะต้องแข่งขันเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าแล้ว Attention Economy ยังแทรกซึมในความสัมพันธ์ส่วนตัว เชื่อว่าผู้อ่านหลายๆ คนมีประสบการณ์เมื่อคนใกล้ตัวเอาแต่จดจ่อกับหน้าจอต่างๆ ทำให้แต่ละคนจะต้องพยายามหาสารพัดวิธีเพื่อดึงดูดความสนใจจากคนใกล้ตัว
อาทิเช่น การตกลงกันว่าจะไม่มีการใช้มือถือระหว่างรับประทานอาหาร หรือการตกลงที่จะปิดการแจ้งเตือนในช่วงเวลาพิเศษเพื่อลดสิ่งล่อใจจากภายนอก หรือการตกลงกันที่จะคุยกันโดยไม่สนใจมือถือเป็นช่วงระยะเวลาประจำ เป็นต้น
เรื่องของการแย่งชิงความสนใจ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น ในโลกธุรกิจหรือชีวิตส่วนตัว สิ่งสำคัญคือจะต้องตระหนัก รู้ตัวและมีสติอยู่ตลอดเวลา ว่ากำลังทำหรือจะต้องทำสิ่งใด และมีจิตใจที่เข้มแข็งพอที่จะป้องกันตนเองจากการถูกดึงดูดได้โดยง่าย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 9 กันยายน 2568