EU เล็งคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม จ่อกระทบ "แบงก์-การค้าน้ำมัน" หนัก
สหภาพยุโรป กำลังพิจารณาคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม หวังสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ เพื่อกดดันให้ปูตินเข้าสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพ
สหภาพยุโรป (อียู) กำลังพิจารณามาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อธนาคารและบริษัทพลังงานของรัสเซียหลายสิบแห่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรรอบล่าสุดเพื่อกดดันประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินให้ยุติสงครามต่อยูเครน
แหล่งข่าวบลูมเบิร์กเผยว่า แพ็กเกจมาตรการคว่ำบาตรใหม่ ซึ่งเป็นการคว่ำบาตรรอบที่ 19 ของอียูที่มีต่อมอสโก นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบเมื่อปี 2565 นั้น อาจรวมการคว่ำบาตรระบบการชำระเงินและบัตรเครดิตของรัสเซีย การแลกเปลี่ยนคริปโทเคอเรนซี
รวมถึงการจำกัดการค้าน้ำมันของรัสเซียมากขึ้น และอียูหวังจะประสานมาตรการบางส่วนร่วมกับสหรัฐอีกด้วย โดยผู้แทนเจ้าหน้าที่อียูเตรียมเดินทางไปวอชิงตันสัปดาห์นี้เพื่อพบกับคู่เจรจาและหารือถึงความเป็นไปได้ในการออกมาตรการร่วมกัน
ด้านสกอตต์ เบสเซนต์ ให้สัมภาษณ์กับรายการ Meet the Press ของเอ็นบีซีเมื่อวันอาทิตย์ (7 ก.ย.) “เราเตรียมกดดันรัสเซียมากขึ้น แต่เราต้องการพันธมิตรยุโรปทำตามด้วย”
สหรัฐและยุโรปอยู่ระหว่างหารือกันเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรใหม่และภาษีศุลกากรรอง (secondary tariff) ที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศที่สามที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย ซึ่งคาดว่าหากเศรษฐกิจรัสเซียล่มสลาย จะสามารถดึงปูตินสู่การเจรจาสันติภาพกับยูเครนได้
ด้านอันโตนิโอ คอสตา ประธานสภายุโรป ยืนยันในวันจันทร์ (8 ก.ย.) ว่า อียูกำลังพิจารณามาตรการต่างๆ กับสหรัฐ และพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกัน
“เราต้องเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียให้กลับสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพ นี่คือสิ่งที่เรากำลังทำกับสหรัฐ เรากำลังประสานความพยายามร่วมกันให้สอดคล้องกับมาตรการคว่ำบาตรของเรา เพื่อให้มีผลมากขึ้น กดดันรัสเซียได้มากขึ้น” คอสตากล่าวกับสื่อในฟินแลนด์
นอกจากนี้ แพ็กเกจคว่ำบาตรล่าสุดของอียูต่อเพิ่มการคว่ำบาตรกองเรือเงารัสเซีย ผู้ค้าน้ำมันประเทศที่สาม และอาจออกคำสั่งห้ามต่อประกันภัยเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกขึ้นบัญชีดำ
อียูกำลังพิจารณาคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรัสเซียรายใหญ่เข้มงวดมากขึ้น ด้วยการยกเลิกข้อยกเว้นบางรายการต่อบริษัทบางแห่ง เช่น Rosneft นอกจากนี้ อียูยังพิจารณาเรื่องการห้ามส่งออกสินค้าและสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมการทหารของมอสโกเข้มงวดขึ้น และออกข้อจำกัดทางการค้ากับบริษัทต่างชาติ ซึ่งรวมถึงบริษัทในจีนที่จัดหาสินค้าเหล่านั้นให้รัสเซีย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 9 กันยายน 2568