กฎใหม่จากเมียนมา คุมเข้มผู้ส่งออกนำรายได้เข้าบัญชีตามกำหนด
สำนักข่าว Global New Light of Myanmar ได้เผยแพร่บทความเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 โดยอ้างอิงประกาศจากธนาคารกลางเมียนมา (Central Bank of Myanmar: CBM) ที่ออกมาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เกี่ยวกับแนวปฏิบัติเรื่องรายได้จากการส่งออก
บทความระบุว่า สาเหตุที่ CBM ต้องออกแนวปฏิบัติดังกล่าว เนื่องจากพบว่าบริษัทบางแห่งยังขาดความเข้าใจในเรื่องกฎระเบียบการส่งออก หรืออาจพึ่งพาบริษัทตัวแทนมากเกินไป จนอาจเกิดกรณีที่การส่งออกนั้นไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านเอกสารที่ผิดพลาด
ทำให้การรายงานข้อมูลทางการเงินไม่ถูกต้อง และส่งผลให้งบกระทบยอดเงินฝากธนาคารสำหรับรายได้จากการส่งออกไม่ตรงกัน ซึ่งเป็นเหตุให้บริษัทถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่ฝากเงินตามกำหนดเวลา และทำให้ผู้บริหารของบริษัทถูกดำเนินคดี รวมถึงถูกขึ้นบัญชีดำ
ขั้นตอนการส่งออกตามแนวทางใหม่นั้น บริษัทจะต้องเริ่มต้นด้วยการขอใบอนุญาตส่งออกผ่านระบบ Trade Net 2.0 ของกระทรวงพาณิชย์เมียนมาก่อนที่จะลงนามในสัญญากับผู้ซื้อจากต่างประเทศ
จากนั้นกรมศุลกากรเมียนมาจะตรวจสอบความถูกต้องของใบอนุญาตและราคาสินค้าตามสัญญา ก่อนที่จะออกใบขนสินค้าขาออกให้ และบริษัทต้องนำเอกสารสำคัญดังกล่าวไปติดต่อการท่าเรือเมียนมาเพื่อขอออกใบตราส่งสินค้าในลำดับต่อไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ บริษัทจะต้องฝากรายได้จากการส่งออกในบัญชีธนาคารในเมียนมาให้ทันเวลา โดยกำหนดไว้ที่ 30 วันสำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชีย และ 60 วันสำหรับประเทศนอกภูมิภาคเอเชีย นับจากวันที่ระบุในใบขนสินค้าขาออก
ระบบการตรวจสอบของ CBM จะทำงานร่วมกับระบบ Myanmar Automated Cargo Clearance System ของกรมศุลกากร หากพบว่ามีหนี้ค้างชำระ CBM จะแจ้งให้ธนาคารของบริษัทดำเนินการกำหนดเวลาให้บริษัทชำระหนี้ และจะประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตนำเข้าและส่งออกของบริษัทเป็นการชั่วคราว
บริษัทที่ไม่ฝากรายได้ตามกำหนดและไม่ทำงบกระทบยอดจะถูกลงโทษโดยการเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวเป็นการชั่วคราว ขณะที่ผู้บริหารที่ถูกขึ้นบัญชีดำจะถูกจำกัดการเข้าถึงบริการของธนาคาร ห้ามเดินทาง ถูกยกเลิกสัญญากับรัฐบาล และอาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายโดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำแล้ว หากต้องการถอดชื่อออก จะต้องนำเงินรายได้จากการส่งออกที่ค้างอยู่มาฝากพร้อมยื่นเอกสารยืนยันการฝากที่ได้รับการรับรองจากธนาคารให้กับ CBM ซึ่งจะตรวจสอบบัญชีและยืนยันข้อมูลของผู้บริหาร รวมไปถึงสถานะการชำระค่าปรับของบริษัทก่อนที่จะแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการถอดชื่อออกจากบัญชีดำต่อไป
ทั้งนี้ แนวปฏิบัตินี้เป็นการเน้นย้ำกฎเดิม เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทส่งออกจำนวนมากที่ไม่ปฏิบัติตามกฎ และได้ถูกขึ้นบัญชีดำ ถูกเพิกถอนใบอนุญาต และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยรัฐบาลเมียนมาได้ประกาศรายชื่อบริษัทเหล่านี้ในหนังสือพิมพ์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2568
โดยรายได้จากการส่งออกเป็นรายได้สกุลเงินตราต่างประเทศที่รัฐบาลเมียนมาซื้อจากบริษัทส่งออกในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด เนื่องจากกฎระเบียบการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของรัฐบาลเมียนมาได้บังคับให้บริษัทส่งออกต้องแลกเปลี่ยนรายได้ที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศให้เป็นเงินสกุลจั๊ตในสัดส่วนร้อยละ 25 ตามอัตราแลกเปลี่ยนทางการซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดเป็นอย่างมาก (ข้อมูล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง)
ที่มา globthailand
วันที่ 12 กันยายน 2568