สมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม ต้อนรับคณะ "ผู้นำรุ่นใหม่ 2025" จากเวียดนาม ย้ำความสัมพันธ์แน่นแฟ้นสู่ "หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน"
บ่ายวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 ท่านอุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และ คุณสนั่น อังอุบลกุล นายกสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม และคณะกรรมการสมาคมฯ
ได้ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามภายใต้โครงการ Emerging Leaders 2025 คุณฟาม ดี๊ก ตวาน (Pham Duc Toan) รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเดี่ยน เบียน (Dien Bien), คุณเหงียน มานห์ เซ็น (Nguyen Manh Son) รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดที่เถาะ (Phu Tho),



คุณฮา ลาน อันห์ (Ha Lan Anh) รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดนิญบิ่ญ (Ninh Binh), คุณเหงียน วัน เกือง (Nguyen Van Cuong) ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองลิขสิทธิ์เวียดนาม กระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว, คุณเจิ่น เหงียน ถาว (Tran Nguyen Thao) เจ้าหน้าที่โต๊ะไทย กรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่าประเทศเวียดนาม, คุณฝั่ง ถิ เฮือง ชาง (Phung Thi Huong Giang) รองผู้อำนวยการศูนย์ไทยศึกษา มหาวิทยาลัยฮานอย
หารือแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับความร่วมมือและกิจกรรมของสมาคมฯ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชนระหว่างไทยกับเวียดนาม โดยมี ประดาบ พิบูลสงคราม, กฤต ไกรจิตติ, ปิยะพงศ์ จริยเศรษฐพงศ์, อัครภณ เศวตกมล และ สัจจา วงศ์กิตติธร ร่วมด้วย ณ กระทรวงการต่างประเทศ
การประชุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมระหว่างสองประเทศ ซึ่งได้ยกระดับสู่การเป็น "หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน"
สมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนามเห็นถึงบทบาทสำคัญในการเชื่อมสัมพันธ์สองชาติ :
คุณสนั่น อังอุบลกุล นายกสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม ได้กล่าวต้อนรับคณะผู้แทน พร้อมแสดงความยินดีที่เวียดนามได้จัดพิธีเฉลิมฉลองวันชาติครบรอบ 80 ปีอย่างยิ่งใหญ่ รู้สึกมาความประทับใจในประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 4,000 ปีของเวียดนาม รวมถึงความรักชาติของชาวเวียดนามทุกเพศทุกวัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประธานาธิบดีโฮจิมินห์
และได้เน้นย้ำถึงบทบาทของสมาคมฯ ในการเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยชี้ว่าสมาคมฯ ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากกระทรวงการต่างประเทศไทย และเวียดนามถือเป็น 1 ใน 4 ประเทศที่กระทรวงฯ ให้ความสำคัญสูงสุด คณะกรรมการของสมาคมฯ ประกอบด้วยบุคคลสำคัญจากหลายภาคส่วน
โดยกว่าครึ่งหนึ่งเป็นบุคลากรจากกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงอดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ เวียดนาม และอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ส่วนที่เหลือมาจากภาคเอกชนและหน่วยงานอื่น ๆ นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงและดูแลชาวไทยเชื้อสายเวียดนามในประเทศไทยซึ่งมีจำนวนกว่า 100,000 คน
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้จัดกิจกรรมภายใต้ 4 เสาหลัก รวมทั้งสิ้น 32 กิจกรรม โดยมีองค์กรเข้าร่วมกว่า 152 แห่ง มีผู้เข้าร่วมชาวไทยกว่า 1,800 คน และชาวเวียดนามกว่า 3,700 คน




สถานทูตไทยย้ำความสัมพันธ์อยู่ในจุดที่ดีที่สุด :
ท่านอุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ซึ่งเป็นผู้นำคณะผู้แทนเวียดนามมาในครั้งนี้ ได้กล่าวขอบคุณสมาคมฯ ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ท่านทูตได้กล่าวว่า ความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามในปัจจุบันได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ และอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เคยมีมา โดยได้ยกระดับเป็น "หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน" ซึ่งไม่ใช่แค่คำกล่าวของท่าน แต่เป็นเสียงสะท้อนจากคนไทยที่อาศัยในเวียดนามมาอย่างยาวนาน
ท่านทูตยังได้กล่าวถึงความร่วมมือที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างจังหวัดฟู้เถาะกับกลุ่มบริษัทอมตะ และการกระชับความสัมพันธ์กับจังหวัดเดียนเบียนและจังหวัดนิญบิ่ญ นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือถึงการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลอง ครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและเวียดนามในปี 2569 (ค.ศ. 2026) ร่วมกับทั้งสามจังหวัด รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการสนับสนุนการจัดตั้งภาควิชาภาษาไทยที่มหาวิทยาลัยฮานอย ซึ่งเปิดสอนภาษาไทยมาแล้ว 16 ปี
ผู้แทนเวียดนามชื่นชมและเสนอแนะความร่วมมือในอนาคต :
คุณฟาม ดี๊ก ตวาน รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเดียนเบียน ได้กล่าวขอบคุณสมาคมฯ และสถานทูตไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเปี่ยมด้วยมิตรภาพ เขารู้สึกประทับใจกับกิจกรรมของสมาคมฯ ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและลึกซึ้งของสองประเทศ นายตว่านเห็นพ้องว่าความสัมพันธ์ของสองชาติมีรากฐานยาวนานนับพันปี ไม่ใช่เพียง 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต และกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามและไทยไม่เคยดีงามเท่าช่วงเวลานี้มาก่อน


คุณฟาม ดี๊ก ตวาน ได้เสนอให้สมาคมฯ ผลักดันกิจกรรมเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และระดับประชาชนให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการให้ความรู้แก่คนรุ่นใหม่ของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ เขายังได้ขอรับการสนับสนุนจากสมาคมฯ เพื่อดึงดูดนักลงทุนชาวไทยมายังจังหวัดต่างๆ ของเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนจังหวัดเดียนเบียนในการสร้าง เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่เชื่อมโยงระหว่างไทยกับเดียนเบียน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ดั้งเดิมอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การประชุมครั้งนี้ปิดท้ายด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพ โดยทุกฝ่ายต่างแสดงเจตจำนงที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามให้เติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งในระดับรัฐบาล ภาคธุรกิจ และประชาชนต่อไป
ที่มา สมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม
วันที่ 22 กันยายน 2568