ทรัมป์ดุเดือดบนเวที UN ซัดยุโรป-โลกร้อน "ประเทศกำลังจะพังพินาศ"
KEY POINTS :
* โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์อย่างดุเดือดในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) โดยกล่าวหาผู้นำโลกว่ากำลังพาประเทศของตนไปสู่ความพินาศ
* ทรัมป์วิจารณ์นโยบายแก้ไขปัญหาโลกร้อนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง และโจมตีนโยบายผู้อพยพว่าทำลายโครงสร้างสังคม พร้อมเรียกร้องให้หันมาใช้พลังงานฟอสซิล
* วิพากษ์วิจารณ์พันธมิตร NATO ที่ซื้อพลังงานจากรัสเซีย และปฏิเสธข้อเสนอการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ โดยอ้างว่าเป็นการสนับสนุนผู้ก่อการร้าย
เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา เวทีประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้เวลากว่าเกือบหนึ่งชั่วโมงในการโจมตีและตอบโต้ผู้นำโลกอื่นๆ อย่างรุนแรง โดยเขาได้กล่าวหาว่า "Your countries are going to hell." ซึ่งสื่อว่าหลายประเทศกำลังจะพังพินาศ และวิจารณ์นโยบายการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่าเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง พร้อมเรียกร้องให้หันกลับไปพึ่งพาพลังงานฟอสซิลมากขึ้น
ทรัมป์มุ่งเป้าไปที่สองประเด็นหลัก คือ "ผู้อพยพ" และ "โลกร้อน" โดยเขานำเสนอแนวทางการจัดการปัญหาการเข้าเมืองของสหรัฐฯ เป็นแบบอย่างที่ประเทศอื่นควรติดตาม โดยกล่าวว่าการอพยพข้ามชาติทำลายโครงสร้างสังคมและเพิ่มเติมว่า "ประเทศของพวกคุณกำลังจะพังพินาศ" ในขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนมองว่าผู้อพยพเหล่านั้นแค่ต้องการชีวิตที่ดีขึ้น
ในมุมมองอื่น ทรัมป์ยังได้ประกาศว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นเป็นเรื่องโกหกและได้เหน็บยุโรปว่า กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่หายนะด้วย "นโยบายพลังงานที่ฆ่าตัวตาย" โดยเตือนว่า หากยุโรปยังคงลดการใช้พลังงานฟอสซิลตามเป้าหมายพลังงานสะอาด อาจจะนำไปสู่การล่มสลายได้
สำหรับประเด็นสงครามยูเครน ทรัมป์ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์พันธมิตร NATO ที่ยังคงซื้อพลังงานจากรัสเซีย โดยระบุว่าเป็นการหาเงินให้กับศัตรู พร้อมขู่ว่าจะผลักดันมาตรการคว่ำบาตรและเพิ่มภาษีศุลกากรใหม่ต่อรัสเซีย หากมอสโกไม่พร้อมทำข้อตกลงหยุดสงคราม พร้อมเน้นว่า ยุโรปต้องร่วมมือกันใช้นโยบายเดียวกัน หรือว่าจะไม่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังปฏิเสธข้อเสนอจากผู้นำหลายประเทศที่สนับสนุนการตั้งรัฐปาเลสไตน์ ท่ามกลางสถานการณ์รุนแรงในกาซา โดยชี้ว่า การให้รางวัลแบบนี้เท่ากับการสนับสนุนผู้ก่อการร้ายฮามาส และย้ำว่าสหรัฐฯ ต้องการข้อตกลงหยุดยิงแลกกับการปล่อยตัวประกันเพื่อหยุดสงครามทันที
สุนทรพจน์นี้ไม่เพียงแต่กล่าวถึงประเด็นระดับโลก แต่ยังมีข้อกล่าวอ้างบางอย่างที่หลายคนมองว่าบิดเบือน เช่น การกล่าวหานายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนว่าต้องการใช้กฎหมายชารีอะห์ หรือการอ้างว่าเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ได้รับการแก้ไข ทั้งที่ธนาคารกลางเพิ่งประกาศว่าตัวเลขได้เพิ่มขึ้น
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 24 กันยายน 2568