การออกพันธบัตรสีเขียวของรัฐบาลเดนมาร์กตามมาตรฐาน EU Green Bond Standard
เดนมาร์กเป็นประเทศแรกในการออกพันธบัตรสีเขียว เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังเดนมาร์กได้ประกาศการออกพันธบัตรสีเขียว (Green Bond) ตาม EU Green Bond Standard จากมาตรฐานดังกล่าว สามารถนำมาใช้ในการออกพันธบัตรรัฐบาลได้จริงและจะกระตุ้นให้ประเทศอื่นๆหันมาใช้มาตรฐานการเงินเดียวกันเพื่อทำให้เกิดการลงทุนในโครงการสีเขียว อาทิ โครงการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพลังงานสะอาด เป็นต้น
นาย Nicolai Wammen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเดนมาร์ก กล่าวแสดงความภาคภูมิใจที่เดนมาร์กสามารถสร้างมาตรฐานระดับสูงสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ การเปลี่ยนผ่านดังกล่าวจำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากทั้งสำหรับภาครัฐและภาคเอกชน การออก Green Bonds จะช่วยส่งเสริมพัฒนาตลาดทุนสีเขียวที่มีประสิทธิภาพและมีบูรณาการได้ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการระดมทุนในโครงการที่มีความยั่งยืน รวมทั้งสร้างประโยชน์ต่อบริษัทเดนมาร์กในการหาเงินทุนสำหรับการพัฒนาโครงการสีเขียว
เมื่อปี 2565 รัฐบาลเดนมาร์กเริ่มออกพันธบัตรสีเขียว เป้าหมายเพื่อนำเงินทุนที่ได้ไปใช้ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ ตามแนวคิดของ EU Green Bond standard มาตรฐานดังกล่าวได้รับการรับรองและมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา รายได้จากพันธบัตรสีเขียวต้องถูกจัดสรรให้กับทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องอย่างสมบูรณ์กับ EU Taxonomy ซึ่งเป็นระบบการจัดหมวดหมู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของ EU ในด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยยสำคัญ เช่น ด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานการขนส่งที่ยั่งยืน ปรับเปลี่ยนพื้นที่เกษตรกรรมและการฟื้นฟูธรรมชาติ
เดนมาร์กเป็นประเทศแรกที่ออกพันธบัตรสีเขียว รัฐบาลที่ปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าวอย่างเป็นทางการและถือเป็นการแสดงบทบาทผู้นำด้านเวทีโลกด้านการเงินที่ยั่งยืน รวมทั้งเป็นแบบอย่างให้กับประเทศอื่นๆในการนำมาตรฐาน EU Green Bond Standard ไปใช้เพื่อส่งเสริมความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสในตลาดตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและไม่ให้เกิดปัญหา “Greenwashing”
นอกจากนี้กระทรวงการคลังเดนมาร์กได้จ้างบริษัท sustainable fitch ซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอก เข้ามาตรวจสอบและเป็นผู้รับรองว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นไปตามมาตรฐานที่อียูกำหนดอย่างครบถ้วน
พันธบัตรสีเขียวจะออกควบคู่ไปกับพันธบัตรรัฐบาลที่มีอยู่แล้วในรูปแบบ Twin Bond ซึ่งจะมีลักษณะทางการเงินเหมือนกันทุกประการ เช่น อัตราดอกเบี้ย และอายุไถ่ถอน เพื่อช่วยทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าพันธบัตรทั้งสองประเภทจะมีสภาพคล่องเหมือนกันทุกประการ เช่น อัตราดอกเบี้ยและอายุไถ่ถอน ช่วยทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าพันธบัตรทั้งสองประเภทจะมีสภาพคล่องที่ใกล้เคียงกัน รายละเอียดเพิ่มเติมจะเผยแพร่บนเว็บไซต์ของธนาคารกลางแห่งชาติ และจะเสนอขายพันธบัตรดังกล่าวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2568
การปฏิบัติตาม EU Green Bond Standard ของเดนมาร์กถือเป็นการแสดงบทบาทผู้นำของโลกในด้านการเงินระหว่างประเทศของเดนมาร์กในการออกพันธบัตรสีเขียวที่สอดคล้องกับมาตรฐานสูงสุด ซึ่งอาจเป็นทั้งแรงบันดาลใจและแรงกดดันต่อประเทศอื่นๆรวมถึงประเทศไทยโดยเฉพาะในประเด็นเรื่องมาตรฐานความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือในตลาด การตรวจสอบภายนอกเพื่อป้องกันปัญหา greenwashing และการเชื่อมโยงรายได้จากพันธบัตรกับโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและสัง ให้สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจและความยั่งยืน
นอกจากนี้ การพิจารณาเข้าศึกษาดูงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเดนมาร์กเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ กฎเกณฑ์และกฎระเบียบด้านการเงินสีเขียวและมาตรฐานสากล จะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมความร่วมมือด้าน sustainable finance และ capital markets ระหว่างไทยกับเดนมาร์กรวมทั้งกับอียู
ในด้านโอกาสของผู้ประกอบการไทย หากไทยสามารถทำให้พันธบัตรสีเขียวของไทยมีมาตรฐานสูงและได้รับการยอมรับจาก EU Green Bond Standard จะช่วยให้ไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนระหว่างประเทศจากนักลงทุนยุโรป โดยเฉพาะกองทุนบำนาญและกองทุนสถาบันส่วนใหญ่จะมีนโยบายลงทุนเฉพาะสินทรัพย์ที่ผ่านมาตรฐานสากล เข้ามาลงทุนในไทยในโครงการพลังงานหมุนเวียน โครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมใหม่ของไทยได้
ซึ่งหากไทยไม่ปรับตัวในเรื่องพันธบัตรสีเขียวดังกล่าว อาจทำให้เสียเปรียบ ประเทศคู่แข่งในอาเซียน เพราะในปัจจุบัน EU taxonomy กำลังจะกลายเป็นบรรทัดฐานทางการเงินระดับ global benchmark ไม่ใช่เฉพาะ EU แต่กำลังเผยแพร่ไปยังเอเชียและตลาดโลกเพื่อแก้ปัญหา “Greenwashing” และสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนว่าโครงการที่มีการระดมทุนเป็นโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ตลอดจนถูกใช้ในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ภายนอก EU ด้วย (ข้อมูล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน, เรียบเรียงโดย : ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์)
ที่มา globthailand
วันที่ 13 ตุลาคม 2568