ไทยเจ้าภาพ World Bank-IMF เพิ่มบทบาท "ร่วมกำหนดทิศทาง" เศรษฐกิจ
KEY POINTS :
* ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและ IMF ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2569 ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 12,000 คน
* การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะได้แสดงศักยภาพและเพิ่มบทบาทในการร่วมกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและการเงินของโลก
* คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติกรอบงบประมาณรวมประมาณ 2,338 ล้านบาท สำหรับการเตรียมการและจัดการประชุมตั้งแต่ปี 2567-2570
ประเทศไทยได้รับคดเลือกเป็นเจ้าภาพการประชุม สภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันที่ 12-28 ต.ค.2569 ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการประชุมด้านเศรษฐกิจการเงินสำคัญที่สุดของโลก มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
1)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจากประเทศสมาชิกธนาคารโลก 189 ประเทศ
2)ผู้ว่าการธนาคารกลางจากประเทศสมาชิก IMF 191 ประเทศ
กระทรวงการคลังรายงานว่าแต่ละครั้งจะมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 12,000 คน จากรัฐมนตรีคลัง ผู้ว่าการธนาคารกลาง คณะผู้แทนจากประเทศมาชิก ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ธนาคารโลกและ IMF รวมถึงผู้ที่ได้รับเชิญ สื่อมวลชน ผู้บริหารสถาบันการเงินภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
สำหรับการประชุมที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจะประกอบด้วยการประชุมอย่างเป็นทางการในระดับรัฐมนตรีและผู้ว่าการธนาคารกลาง และระดับอื่นกว่า 1,000 รายการ อาทิ
1)การประชุมเต็มคณะของผู้ว่าการธนาคารโลกและ IMF
2)การประชุมคณะกรรมการพัฒนาของธนาคารโลก
3)การประชุมคณะกรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMFC)
4)การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง G20 และ G24
5)การประชุมระดับพหุภาคีและทวิภาคีต่างๆ
ทั้งนี้ การเตรียมการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมประจำปีธนาคารโลกและ IMF ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบไปเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2567
กระทรวงการคลัง ประเมินว่าการเป็นเจ้าภาพการประชุมดังกล่าวจะเป็นการแสดงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งจะสร้างโอกาสผลักดันนโยบายสำคัญด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยสู่ประชาคมโลก
‘คลัง’วางกรอบงบ 2.3 พันล้านบาท :
นอกจากนี้ กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เสนอ ครม.เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2566 ถึงกรอบงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567-2570 และครอบคลุมกรอบวงเงินงบประมาณกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 2,338 ล้านบาท แบ่งเป็น
ปีงบประมาณ 2567 สำหรับเตรียมจัดการประชุม ด้านการประชาสัมพันธ์ การพัฒนาและดูแลเว็บไซต์และสารสนเทศ 34.2 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2568 สำหรับเตรียมความพร้อมในการจัดประชุม 64.2 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2569 สำหรับเตรียมความพร้อมในการจัดประชุม 926.0 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2570 สำหรับค่าใช้จ่ายจัดประชุม 1,314 ล้านบาท
หมุดหมายสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศ
นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาคณะผู้แทนไทยร่วมการประชุมประจำปี World Bank-IMF ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ถือเป็นหนึ่งในเวทีสำคัญที่สุดของระบบการเงินระหว่างประเทศ
รวมทั้งในเดือน ต.ค.2569 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมดังกล่าว ถือเป็นหมุดหมายที่สำคัญอย่างยิ่งต่อวงการเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ
“การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ เป็นโอกาสให้ประเทศไทยได้แสดงบทบาทในฐานะผู้ร่วมกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจโลก และเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอยุทธศาสตร์เชิงรุกเพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเงินในยุคแห่งความไม่แน่นอน” นายวรภัค กล่าว
ทั้งนี้ การที่ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม World Bank-IMF ปี 2569 ไม่ได้เป็นเพียงการจัดงานอีเวนต์ระดับโลก เป็นโอกาสสำคัญในการแสดงบทบาทของไทยในเวทีเศรษฐกิจโลก และกำหนดยุทธศาสตร์เชิงรุกต่อความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเงินในยุคความไม่แน่นอน
อีกทั้ง IMF และ World Bank เป็นมากกว่าองค์กรทางการเงิน หากแต่เป็น “เสาหลักของระเบียบเศรษฐกิจโลก” ที่กำหนดกรอบความร่วมมือทางการเงิน การคลัง และการพัฒนาของนานาประเทศ ซึ่งในปี 2569 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจึงมีนัยสำคัญต่ออนาคตเศรษฐกิจโลกและอาเซียน
ประเทศไทยเป็นสมาชิก IMF และ World Bank ตั้งแต่ปี 1949 และเคยผ่านประสบการณ์วิกฤติเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ IMF วันนี้ ไทยอยู่ในฐานะประเทศรายได้ปานกลางที่มีบทบาททั้งในฐานะ “ผู้ร่วมกำหนดทิศทาง” และ “ผู้ได้รับประโยชน์” จากโครงสร้างทางการเงินระหว่างประเทศ
ที่มาของ IMF และ ธนาคารโลก
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวแทนจาก 44 ประเทศทั่วโลก ร่วมประชุมที่เมือง Bretton Woods สหรัฐ โดยตั้ง IMF และธนาคารโลก (International Bank for Reconstruction and Development: IBRD) ซึ่งมีภารกิจต่างกันแต่เกื้อหนุนกัน
IMF มีบทบาทสำคัญในการบริหารความเปราะบางทางการคลัง การเฝ้าระวังความเสี่ยงทางการเงิน และการสนับสนุนประเทศสมาชิกในการปรับตัวต่อความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
World Bank จะมุ่งเน้นการให้เงินกู้เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา ถนน และโรงพยาบาล
ประเทศสมาชิกจะนำเงินสำรองมาสมทบเป็น “quota” ซึ่งใช้เป็นฐานสำหรับการกู้ยืมและกำหนดสิทธิออกเสียง ภารกิจหลักช่วยประเทศที่ประสบวิกฤติทางการเงิน เช่น ค่าเงินผันผวนหรือขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
บทบาท IMF กับประเทศไทย :
ประเทศไทยเป็นสมาชิกในปี 1949 โดยช่วง “วิกฤติต้มยำกุ้ง” ปี 2540 เมื่อค่าเงินบาทถูกโจมตีและต้องลอยตัว ไทยต้องรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF วงเงิน 17,000 ล้านดอลลาร์ ภายใต้โครงการ Stand-By Arrangement เพื่อรักษาเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจและฟื้นความเชื่อมั่นทางการเงินระหว่างประเทศ
หลังวิกฤติปี 2540 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกรวมถึงไทยได้เรียนรู้และสร้างกลไกป้องกันความเสี่ยงของตนเองขึ้นมา นั่นคือ ความตกลงริเริ่มเชียงใหม่ (Chiang Mai Initiative Multilateralization: CMIM) ซึ่งเป็นกองทุนเงินสำรองร่วมมูลค่ากว่า 2.4 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือวิกฤติโดยไม่ต้องพึ่งพา IMF เพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ยังมี AMRO (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office) ซึ่งเป็นหน่วยเฝ้าระวังเศรษฐกิจของภูมิภาค ทำหน้าที่ประเมินความเสี่ยง เศรษฐกิจมหภาค และให้ข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจใช้กลไก CMIM กลไกทั้งสองสะท้อนการที่ภูมิภาคอาเซียน+3 พยายามสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินของตนเองให้เข้มแข็งขึ้น
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 20 ตุลาคม 2568