"ทรัมป์" เยือนอาเซียน กระตุ้นความหวังการค้า-การลงทุน "ตลาดเกิดใหม่"
"ทรัมป์" เยือนอาเซียน ร่วมการประชุม ASEAN Summit สปอตไลท์อาเซียน กระตุ้นความหวังการค้า-การลงทุนใน "ตลาดเกิดใหม่" ที่ซบเซา
บลูมเบิร์กรายงานว่า การเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติอาเซียน ได้กลายเป็นแสงแห่งความหวังเล็ก ๆ ว่าสหรัฐจะกระชับความร่วมมือทางการค้ากับกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
การประชุมครั้งนี้ยังช่วยจุดประกายความสนใจตลาดหุ้นอาเซียนกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งมูลค่าที่ต่ำ ห่วงโซ่อุปทานที่เคลื่อนตัวออกจากจีน และสัญญาณของเสถียรภาพทางการเมือง กำลังทำให้ภูมิภาคนี้น่าลงทุนมากขึ้น หลังจากนักลงทุนทั่วโลกถอนเงินเกือบ 900 ล้านดอลลาร์ออกจากตลาดอาเซียนในเดือนนี้
'ทรัมป์' จุดความน่าสนใจ 'ตลาดอาเซียน' :
ข้อมูลจากบลูมเบิร์กระบุว่า นักลงทุนหันไปลงทุนในตลาดหุ้นเทคโนโลยีอย่างไต้หวัน เกาหลีใต้ และจีน ซึ่งตลาดหุ้นกำลังฟื้นตัว ดัชนี MSCI สำหรับหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% ในปีนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าดัชนีตลาดเกิดใหม่ของภูมิภาคโดยรวมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29% นับเป็นการปรับตัวลดลงประจำปีที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563
แม้อัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐต่อกลุ่มประเทศอาเซียนยังคงอยู่ในระดับสูง และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนยังคงกดดันสถานการณืนี้ต่อไป แต่ตลาดอาเซียนยังมีความน่าสนใจ โดยดัชนี MSCI Asean ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 14 เท่า ของกำไรต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าดัชนี MSCI All Country World ที่ซื้อขายที่ 19 เท่า ประกอบกับแนวโน้มด้านนโยบายและเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
เวียดนาม ตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างน้อย 10% ต่อปีในอีกห้าปีข้างหน้า โดยได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตระดับไฮเอนด์ออกจากจีน หรือที่เรียกว่า “เฟรนด์ชอร์ริ่ง” (friendshoring) และเพิ่งได้รับการยกระดับสถานะเป็นตลาดเกิดใหม่จาก FTSE Russell ซึ่งอาจดึงดูดเงินหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาด
มาเลเซีย ได้รับความสนใจจากการสร้างศูนย์ข้อมูลเพื่อรองรับการเติบโตของ AI ทั่วโลก และความทะเยอทะยานที่จะเป็นผู้ประมวลผลแร่ธาตุหายากหลัก
อินโดนีเซีย มีความเชื่อมั่นที่เปลี่ยนแปลงไปในเชิงบวกหลังจากการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อ และคาดการณ์ว่าดัชนีหุ้นของประเทศจะให้ผลตอบแทนจาก เงินปันผล ประมาณ 5%
โฮมิน ลี นักยุทธศาสตร์มหภาคจาก Lombard Odier ในสิงคโปร์ กล่าวว่า “สัญญาณใด ๆ ที่บ่งชี้ถึงกรอบการค้าระหว่างสหรัฐ-อาเซียนที่มีความยั่งยืนและเอื้ออำนวยมากขึ้นจะส่งผลดีต่อภูมิภาค”
สรุปดีลการค้า ‘สหรัฐ-อาเซียน’ :
การเยือนครั้งนี้ของทรัมป์มีความสำคัญหลายด้าน โดยเฉพาะการสรุปการเจรจาการค้า และการแสดงบทบาทของอาเซียน
มาเลเซีย :
นายกรัฐมนตรี “อันวาร์ อิบราฮิม” และทรัมป์ได้ลงนามข้อตกลงการค้าและข้อตกลงแร่ธาตุสำคัญในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นหลังจากทรัมป์กำหนดอัตราภาษีนำเข้าจากมาเลเซีย 19% ในเดือนส.ค.โดยอันวาร์กล่าวว่าเป็น "ก้าวสำคัญ" ที่จะยกระดับความสัมพันธ์
ไทย :
รัฐบาลไทยส่งสัญญาณกระตุ้นการใช้จ่ายแผ่านโครงการคนละครึ่งพลัส และมีการลงนามข้อตกลงกับกัมพูชาเพื่อจัดการข้อพิพาทชายแดน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเจรจาระหว่างสองประเทศ
อย่างไรก็ดี แม้จะมีข้อตกลงและความหวัง แต่ก็ยังมีอุปสรรคสำคัญ 4 ประกาศ ได้แก่
1)ภาษีศุลกากรของสหรัฐ ต่อกลุ่มประเทศอาเซียนนี้ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดในระดับโลก 2)ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังสร้างความกังวล
3)ข้อจำกัดด้านสภาพคล่องในตลาด และธนาคารกลางที่ระมัดระวังในการผ่อนคลายนโยบายการเงินเนื่องจากความผันผวนของสกุลเงิน และการครองตลาดการผลิตของจีนยังคงเป็นภัยคุกคามต่อการแข่งขันของผู้ผลิตในอาเซียน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 27 ตุลาคม 2568

