คลังปรับ GDP พุ่ง 2.4% รับส่งออกร้อนแรง-มาตรการรัฐอัดฉีดปลายปี
	KEY POINTS :
	* สศค.ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ปี 2568 จากเดิม 2.2% เป็น 2.4% จากการส่งออกที่ขยายตัวดีกว่าคาด และมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
	* คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะหดตัวที่ -0.2% เนื่องจากราคาพลังงาน ลดลง ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัด คาดว่าจะเกินดุลสูงถึง 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3.5% ของ GDP)
	* ปี 2569 คาดว่า GDP จะขยายตัวเพียง 2.0% จากการส่งออกที่อาจหดตัวถึง -1.5% เนื่องจากผู้ประกอบการได้เร่งส่งออกสินค้าไปมาก เพื่อลดความเสี่ยงจากการขึ้นภาษีสหรัฐฯ

	สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ออกมาแถลงการณ์ล่าสุดถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยที่น่าพอใจในช่วงปลายปี 2568 โดยได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 2.4% จากเดิมที่ 2.2% 
	เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงการส่งออกในที่สามารถขยายตัวได้ดีกว่าคาด โดยเชื่อว่าปีนี้น่าจะขยายตัวได้สูงถึง 10%
	ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนเติบโตดี แต่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้จะหดตัวอยู่ที่ -0.2% ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลราว 15.5 พันล้านดอลลาร์
	ส่วนในปี 69 สศค.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.0% ชะลอตัวลงจากปีนี้ เนื่องจากผลของการส่งออกที่อาจหดตัว -1.5% หลังได้เร่งส่งออกไปมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้เพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป คาดว่าจะกลับมาขยายตัวที่ 0.5%
	นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการ สศค. ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า การส่งออกสินค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการปรับประมาณการครั้งนี้ โดยคาดว่าการส่งออกในภาพรวมของปี 2568 จะขยายตัวได้สูงถึง 10%
	โดยเฉพาะในสินค้ากลุ่มหลักที่ทำผลงานได้ดีในตลาดสหรัฐฯ และจีน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รวมถึงผลิตภัณฑ์ยาง
	นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนยังคงเติบโตที่ 3.0% และการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 5.6% ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ
	อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ดี แต่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้จะ หดตัวอยู่ที่ -0.2% เป็นผลมาจากการลดลงของราคาพลังงานทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง ตามนโยบายของภาครัฐและราคาพลังงานในตลาดโลก
	สำหรับปี 2569 สศค. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะเผชิญกับภาวะชะลอตัว โดยคาดว่าจะขยายตัวลดลงเหลือ 2.0% สาเหตุหลักมาจากการส่งออกที่อาจ หดตัว -1.5% เนื่องจากมีการเร่งส่งออกสินค้าไปเป็นจำนวนมากแล้วในช่วงปี 2568 เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในอนาคต

	แม้การส่งออกจะแผ่วลง แต่เศรษฐกิจปีหน้ายังมีปัจจัยหนุนจากภาคบริการ โดยเฉพาะ การท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 35.5 ล้านคน และ การบริโภคภาคเอกชน ที่ยังคงขยายตัวได้ที่ 2.4%
	โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวทิ้งท้ายว่า ท่ามกลางภาพรวมที่เป็นบวก รัฐบาลยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ได้แก่:
	* นโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ ที่จะกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและการแข่งขัน
	* ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ และความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์
	* ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยังเป็นความเสี่ยงหลักของเศรษฐกิจโลก
	* ระดับหนี้ครัวเรือนและ SMEs ที่ยังคงเป็นภาระต่อการใช้จ่ายและการลงทุนในประเทศ
	ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
	วันที่ 30 ตุลาคม 2568


 
							 
							 
							 
							