"ธนาคารโลก" จ่อร่างแผนการพัฒนาประเทศไทย ครั้งแรก!
KEY POINTS :
* ธนาคารโลกกำลังจัดทำรายงานแผนพัฒนาระยะยาวสำหรับประเทศไทยเป็นครั้งแรก
* รายงานนี้จะเผยแพร่ก่อนการประชุมประจำปีของ IMF - WBG Annual Meeting 2026 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
* แผนการจะมุ่งเน้นการพัฒนา 5 อุตสาหกรรมหลักที่มีศักยภาพสูงของประเทศ
* ธนาคารโลกจะรวบรวมข้อมูลและมุมมองจากทุกภาคส่วนของสังคมไทย ไม่ใช่แค่ภาครัฐ
* กระบวนการนี้จะเปิดให้ประชาชนและผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมผ่านเวิร์กช็อปและการประชุม
ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group) ในเดือนต.ค. 2569 ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการนำเสนอวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทยยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่หลายประการ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแสดงภาพอนาคตที่มั่นคงและชัดเจนต่อสายตาของโลก "ธนาคารโลก" จับมือกับฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ (FutureTales Lab) รับบทบาทเป็นตัวหลักในการจัดทำรายงาน Flagship Report หรือรายงานหลักที่จะเผยแพร่ออกมาในช่วงเดือน ก.ค. 2569
รายงานนี้มีจุดประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาเชิงระยะยาวของประเทศไทยภายใต้บริบทการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกและเทคโนโลยี โดยเน้นย้ำไปที่จุดแข็งของประเทศไทยทั้งหมด 5 อุตสาหกรรม
5 อุตสาหกรรมศักยภาพสูงที่ธนาคารโลกมุ่งเน้น :
นายขวัญพัฒน์ สุทธิธรรมกิจ เจ้าหน้าที่อาวุโส ธนาคารโลก ผู้รับผิดชอบประเทศไทย กล่าววันนี้ (30 ต.ค.) ว่า ธนาคารโลกมองเห็นศักยภาพของประเทศไทยในอุตสาหกรรมหลัก 5 ด้านที่สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงานในอนาคต ได้แก่
(1)บริการดิจิทัล (Digital Services) ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการให้บริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลซึ่งเป็นอนาคตของธุรกิจสมัยใหม่
(2)เกษตรและอาหาร (Agriculture & Food – "Thailand as Kitchen of the World") การพัฒนาภาคเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารที่ยั่งยืน เพื่อให้ไทยเป็นครัวของโลกด้วยมาตรฐานสูง
(3)การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและสุขภาพ (Sustainable Tourism & Wellness) การพัฒนาการท่องเที่ยวจากเน้นปริมาณมาเป็นเน้นคุณค่า และการสร้างอุตสาหกรรมสุขภาพและความเป็นสุข
(4)อุตสาหกรรมสีเขียวและการผลิตขั้นสูง (Green & Advanced Manufacturing) การพัฒนาการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เครื่องปรับอากาศสีเขียวไร้สารพิษต่อโลกซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับสองของโลก
(5)เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ความสามารถด้านศิลปะ เนื้อหา ภาพยนตร์ เกมมิ่ง และสิ่งสร้างสรรค์ที่ไทยมีศักยภาพสูง
"ในงานประชุมประจำปีที่จะเกิดขึ้นปีหน้า เวิลด์แบงก์จะทำรายงานซึ่งค่อนข้างแตกต่างไปนิดหนึ่ง แทนที่จะเกาะกับรัฐบาลแน่น เราต้องการเข้าร่วม สร้างแพลตฟอร์ม สะท้อนมุมมองคนไทย ธุรกิจไทยออกมาผ่านรายงานฉบับนี้ เพราะมีความเชื่อว่าประเทศไทยน่าจะไปได้ดีกว่านี้" นายขวัญพัฒน์กล่าว
ดังนั้นนอกจากการร่วมมือกับภาครัฐแล้ว ธนาคารโลกยังต้องการเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนของสังคมไทยมีเสียง โดยเชิญชวนให้ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบการ นักนวัตกรรม เยาวชน และผู้นำชุมชนจากทั่วประเทศ เข้าร่วมในกระบวนการต่อไปนี้
(1)เข้าร่วมการสัมมนา "Foresight Workshop" ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2568
ผู้เข้าร่วมจะร่วมกันวิเคราะห์สัญญาณการเปลี่ยนแปลง แรงขับเคลื่อน และแนวโน้มในแต่ละอุตสาหกรรม และร่วมพัฒนาฉากทัศน์อนาคต (Future Scenarios) และกำหนดวิสัยทัศน์ที่ประเทศไทยควรมุ่งไปถึงโดยจำนวนผู้เข้าร่วมประมาณ 25-30 คนต่อเซสชัน
(2)เข้าร่วมการประชุมในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2569
ในรอบนี้ผู้เข้าร่วมจะช่วยกันตรวจสอบและปรับแต่งฉากทัศน์และข้อเสนอนโยบายที่จะนำไปสู่รายงานหลักของปี 2026 ซึ่งถือว่าเป็นเวทีให้ผู้กำหนดนโยบาย นักนวัตกรรม และผู้เชี่ยวชาญระดับโลกติดต่อสื่อสาร
วิธีวิจัยที่ธนาคารโลกใช้: "Foresight" และ "Public Engagement"
นางสาวสิรี ศิริมนตรี Business and Community Engagement Lead ของ FutureTales Lab กล่าวว่า ธนาคารโลกได้ร่วมมือกับ FutureTales Lab เพื่อออกแบบกระบวนการมีส่วนร่วมที่ใช้สองวิธีหลัก:
(1)การศึกษาวิสัยทัศน์อนาคต (Foresight)
Foresight คือการศึกษาและวิเคราะห์การมองดูความเป็นไปแบบรอบด้านในอนาคต ไม่ใช่การพูดถึงศักยภาพที่แข็งเเกร่งเพียงอย่างเดียวแต่ยังมองไปถึงศักยภาพที่แข็งเเกร่งรองลงมาในแต่ละระดับด้วย ธนาคารโลกใช้วิธีนี้เพื่อ
1)ระบุสัญญาณการเปลี่ยนแปลง (Change Signals) สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่ชี้ไปสู่อนาคต เช่น เทคโนโลยี นโยบายใหม่ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค
2)ค้นหาแรงขับเคลื่อน (Drivers) ที่จะทำให้แต่ละอุตสาหกรรมเจริญเติบโตหรือหดตัว
3)สร้างฉากทัศน์ (Scenarios) ด้วยการจินตนาการสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และ
4)ขยายมุมมอง โดยการดึงเอาข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง เช่น ผู้เชี่ยวชาญ นักธุรกิจ ชุมชน สังคม
(2)การมีส่วนร่วมสาธารณะ (Public Engagement)
วิธีนี้คือการเปิดประตูให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้ามามีเสียง ทำให้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ใช่แค่ผู้รับข้อมูลแบบเชิงรับเท่านั้น แต่เป็นผู้สร้างสรรค์วิสัยทัศน์ร่วมกัน ซึ่งความคิดเห็นจะมาจากคนหลายกลุ่มไม่ใช่เเค่เพียงผู้กำหนดนโยบายเท่านั้น
นางสาวสิรี กล่าวว่า ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการสำรวจครั้งนี้คือทางธนาคารโลกจะได้รายงาน Foresight ในแต่ละอุตสาหกรรมที่ประกอบด้วย สัญญาณการเปลี่ยนแปลงและแรงขับเคลื่อนสำคัญของแต่ละภาคส่วน, ฉากทัศน์อนาคตและภาพลักษณ์ของแรงงานในอนาคต, การวิเคราะห์ช่องว่าง (Gap Analysis) ว่าปัจจุบันเรามีอะไรบ้าง ยังขาดอะไร รวมทั้ง ข้อเสนอเชิงนโยบายและแนวทางกลยุทธ์เพื่อไปถึงอนาคตที่ต้องการ
ท้ายที่สุด สำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง ธนาคารโลกเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1-20 พ.ย. 2568 โดยสามารถติดตามลิงก์สำหรับรับสมัครหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้เร็วๆ นี้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 30 ตุลาคม 2568

