แสงชัย จี้รัฐช่วยเอสเอ็มอีใต้ 2.8 แสนราย แนะ 5 มาตรการฟื้นธุรกิจ ดันแผนความเสี่ยงสู้วิกฤต
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า ประเมินสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้ที่วิกฤตรุนแรงโดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ 9 จังหวัด 101 อำเภอ ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประมวลโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ระหว่าง 24-25 พฤศจิกายน 2568 พบว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบ 282,266 ราย ประกอบด้วยวิสาหกิจชุมชน 6,110 ราย นิติบุคคล 31,007 ราย และผู้ประกอบการส่วนบุคคลและอื่นๆ 245,149 ราย แบ่งเป็นขนาดรายย่อย 260,116 ราย รายย่อม 20,286 รายและรายกลาง 1,864 ราย รวมทั้งกระทบการจ้างงานถึง 791,757 ราย แบ่งเป็นการจ้างงานนิติบุคคล 283,316 ราย และส่วนบุคคลและอื่นๆ 508,441 ราย
นายแสงชัย กล่าวว่า การช่วยเหลือ ฟื้นฟู รัฐต้องมีแผนกลยุทธ์ทันต่อสถานการณ์ บรรเทาผลกระทบในทุกมิติ ลดผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน อาจมีการออกแบบมาตรการที่ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันในการจับมือกันให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ อาทิ
(1)ลดภาระทางการเงิน พักต้นพักดอกทั้งก้อนแบบยกงวดจ่ายต่อท้ายสัญญา 3-12 เดือน เพื่อไม่เป็นภาระในการปรับปรุงเริ่มต้นธุรกิจใหม่และประกอบอาชีพของเกษตรกร แรงงานรวมทั้งประชาชนทั่วไป และอาจมีการพิจารณาเติมทุน เพิ่มสภาพคล่อง เงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย ระยะเวลา 12-24 เดือน รวมทั้งการปรับลดภาระหนี้ให้ 6-24 เดือนและเข้าร่วมโครงการแก้หนี้ยั่งยืน เป็นต้น
(2)เติมทุนเพิ่มโอกาส สนับสนุนวัตถุดิบและปัจจัยการผลิตที่จำเป็นในต้นทุนต่ำเพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ประสบภัยฟื้นฟูได้รวดเร็วขึ้น อาทิ แจกเมล็ดพันธุ์ พันธุ์สัตว์คุณภาพ ฟื้นฟูปรับพื้นที่เกษตร เครื่องจักรกลเกษตร อุปกรณ์การเกษตร และเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ในการดำเนินธุรกิจ(เก่าแลกใหม่ ราคาพิเศษ ผ่อนระยะยาว) โดยร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องมาร่วมสนับสนุน เป็นต้น
(3)ยกระดับสกิลพร้อมตลาด ส่งเสริมพื้นที่ทำเลค้าขายให้ผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่นเพื่อให้เกิดความคึกคักเศรษฐกิจในท้องถิ่นพื้นที่น้ำท่วมรวมทั้งเพิ่มสิทธิประโยชน์ Up skills การตลาดดิจิทัลและให้การสนับสนุนการค้าของเอสเอ็มอีในช่องทางตลาดออนไลน์ร่วมด้วย
(4)ให้แต้มต่อคนละครึ่งพลัสช่วยน้ำท่วมภาคใต้ (พื้นที่ประสบมหาอุทกภัย) บรรเทาภาระค่าครองชีพเพิ่มเติม 3 เดือน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากกลับมาฟื้นตัวเร่งด่วน
(5)ใช้ SME-GP จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อสนับสนุนสินค้าและบริการเอสเอ็มอีที่ประสบภัย
“รัฐต้องมีแผนกลยุทธ์เผชิญเหตุ ถอดบทเรียน บริหารจัดการความเสี่ยงในสภาวะวิกฤต เพื่อให้วิธีปฏิบัติงานเชิงรุกในการแก้ไข ป้องกัน ฟื้นฟู เยียวยา พัฒนาอย่างเป็นระบบเพื่อความช่วยเหลือรวดเร็ว เพียงพอ ลดการสูญเสีย ป้องกันความเสียหายขยายวงกว้าง สิ่งสำคัญของคนไทย คือ การช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันอย่างเต็มที่และทุกภาคส่วน เพราะสถานการณ์จีดีพีไทยแม้ขยายตัวต่ำก็กลายเป็นเรื่องเล็ก เพราะชีวิตและความอยู่รอดของคนไทยเป็นเรื่องสำคัญที่ยิ่งใหญ่กว่า”นายแสงชัยกล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 2 ธันวาคม 2568

