1 ปีแห่งการฟื้นสัมพันธ์ "ไทย-ซาอุดีอาระเบีย"
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะผู้บริหารภาคเอกชนเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 6-10 มิถุนายน ตามคำเชิญของ นายคาหลิด อับดุลอะซีส อัลฟาลิฮ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุฯ ซึ่งได้ส่งคำเชิญมาเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม หลังทราบผลการเลือกตั้งในไทยอย่างเป็นทางการ และยังถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ครบรอบ 1 ปี หลังจากนายดอนได้นำคณะนักธุรกิจไทยชุดใหญ่เยือนซาอุฯ ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2565


โดยนอกจากจะได้พบหารือกับนายคาหลิด และเป็นประธานร่วมในการหารือโต๊ะกลมเพื่อติดตามความคืบหน้าของสาขาการลงทุนหลัก 6 ด้านระหว่างกันแล้ว ยังได้หารือกับ เจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายดับเดล อัล-จูแบร์ รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านการต่างประเทศ นายอับดุลเราะห์มาน อัล-ฟากีห์ ซีอีโอของหน่วยงานความร่วมมือด้านธุรกิจพื้นฐานซาอุดี (SABIC) เลขาธิการองค์การความร่วมมมืออิสลาม (โอไอซี) ทั้งยังหารือกับผู้บริหารของสภาหอการค้าซาอุฯ ขณะที่ภาคเอกชนไทยก็มีเวทีหารือแยกจับคู่ธุรกิจและหารือลงราบละเอียดกับสภาหอการค้าซาอุฯ ด้วยเช่นกัน
แม้จะเป็นเวลาเพียง 2 วันแต่ก็ได้เน้นย้ำถึงความตั้งใจที่ทั้งไทยและซาอุฯ ต่างเห็นถึงควาสำคัญของการรักษาพลวัตในความร่วมมือระหว่างกันที่ดำเนินไปได้ด้วยดีให้มีความต่อเนื่องต่อไป
ดอน ปรมัตถ์วินัย
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ :
การเดินทางครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายที่จะหารือกันอย่างใกล้ชิด แม้รัฐมนตรีคาหลิดจะอยู่ที่เจดาห์ แต่เขาก็เดินทางมาพบปะหารือและอยู่กับเราเต็มวันที่ริยาด ก่อนที่จะเดินทางกลับไป แสดงถึงความตั้งใจที่จะเดินไปข้างหน้าร่วมกับเรา ที่ทั้งท่านทูตและกงสุลใหญ่เห็นตรงกันว่ามันมีความพิเศษมาก
เป้าหมายของเราคือพยายามให้ 1 ปีแรกหลังการฟื้นความสัมพันธ์มีความราบรื่นและมีเสถียรภาพที่ดีที่จะเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงในความร่วมมือที่ได้เริ่มขึ้นผ่านกลไกต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นร่วมกัน ทั้งสภาความร่วมมือฯของภาครัฐ (STCC) และสภาธุรกิจร่วมซาอุดีฯ – ไทย ของภาคเอกชน ก็จะเดินหน้ากันต่อไป

แม้ว่าช่วงที่เราเดินทางไปซาอุฯ จะมีแขกจำนวนมากมาเยือนเช่นกัน แต่เขาก็ยังมีเวลาให้เรา พร้อมจะพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่างๆ เพื่อที่จะเดินต่อไปกับเราอย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์ร่วมกันต่อไป การเยือนครั้งนี้ยังเป็นการแสดงถึงความเอาจริงเอาจังของรัฐบาลที่กำลังจะจากไปว่าได้วางพื้นฐานที่ดี ซึ่งฝ่ายซาอุฯ เองให้ความเห็นพ้องทุกประการ และยังสะท้อนความจริงจังและจริงใจของเราและฝ่ายซาอุฯ ที่จะเดินไปข้างหน้าร่วมกัน เพื่อให้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่มีความมั่นคง และเตรียมตัวส่งผ่านเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ดำเนินการมาให้รัฐบาลใหม่ไปดำเนินการต่อ
มาคราวนี้ถือได้ว่าประสบความสำเร็จทุกด้าน ไม่ว่าภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ แน่นอนมีอีกหลายประเด็นที่ต้องหาทางคลี่คลาย แต่ก็ได้ย้้ำความมุ่งมั่นที่จะหาทางบรรลุความคืบหน้าให้ได้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องของซาอุฯ ก็พออกพอใจกับเรา แม้การเยือนจะมีเวลาเพียงสั้นๆ แต่ก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเราได้มาจัดการกับปัญหาที่ยังค้างคาอยู่ให้เรียบร้อย
พอใจกับ 1 ปีหลังฟื้นสัมพันธ์หรือไม่ :
คิดว่าทั้งสองฝ่ายพอใจ อย่างที่รับรู้กันว่าทั้งไทยและซาอุฯ มีความกระตือรือร้นที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์หลังจาก 32 ปีที่ผ่านมา จึงสร้างความตื่นตัวที่สองฝ่ายเห็นถึงความร่วมมือที่รออยู่ข้างหน้า ที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย เชื่อว่านี่คือนิมิตรหมายที่มีร่วมกัน
สิ่งที่ได้รับรู้ทั้งจากอดีตรัฐมนตรีที่เคยมีส่วนในการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ รัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน และสภาหอการค้าซาอุฯ เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ มีความคืบหน้าอย่างดีและทุกฝ่ายอยากเห็นพัฒนาการต่อไป เรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นแล้วก็จะดำเนินไปตามจังหวะ ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความเป็นมิตรที่มีน้ำหนักมากจนรู้สึกประทับใจ

สนั่น อังอุบลกุล
ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย :
การเดินทางมาในครั้งนี้ครบ 1 ปีหลังจากที่รองนายกฯ และ รมว.กต.ดอน ได้นำคณะภาคเอกชนเดินทางเยือนซาอุฯครั้งแรก ผมเห็นว่ามีความคืบหน้าในหลายโครงการ ความรู้สึกที่ได้สัมผัสกับคนซาอุฯ ที่มีโอกาสไปเยือนไทย เขามีความประทับใจกับคนไทยมากโดยเฉพาะท่านรมว.การลงทุน และยังเชื่อมั่นว่าซาอุฯอยากจะขยายการค้าการลงทุนกับไทยด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะมีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พลวัตนี้กำลังสูงขึ้นตามลำดับ จึงอยากเห็นสิ่งเหล่านี้มีพัฒนาการต่อไป
ระหว่างวันที่ 13-16 ธันวาคมที่จะถึงนี้ หอการค้าแห่งประเทศไทยยังร่วมมือกับอินเด็กซ์จัดงานแสดงสินค้า Thailand MEGA Fair 2023 ที่กรุงริยาด โดยสร้างศาลาไทยเหมือนในงานเอ็กซ์โปที่ดูไบ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การขายของแต่จะยังเปิดโอกาสให้มีการจับคู่ทางธุรกิจ มาร่วมทุนกับไทย และถือโอกาสแนะนำซอฟต์พาวเวอร์ของไทยในด้านต่างๆ ที่ชาวซาอุฯ น่าจะสนใจมาร่วมแสดงอีกด้วย
มองครบรอบ1ปีของการฟื้นสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันว่าเป็นอย่างไร :
เทียบกับคนไทยที่ไปลงทุนทำการค้าในต่างประเทศในเวลา 1 ปี สำหรับประเทศซาอุฯ นับว่าเป็นการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วก้าวกระโดดมากๆ คิดว่าเรื่องต่างๆ เกิดจากความเชื่อมั่นที่คนไทยและคนซาอุฯ มีต่อกัน ทำให้การติดต่อทางธุรกิจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่มีโอกาสได้เดินทางมาสัมผัสด้วยตนเองจะเห็นว่าโอกาสมีมากมาย

รองนายกฯ และรมว.กต.ดอนและกระทรวงการต่างประเทศได้ช่วยเปิดประตูสร้างความสัมพันธ์ ทำให้สัมพันธภาพทางเศรษฐกิจเห็นได้ชัด ฝ่ายซาอุฯอยากเห็นความต่อเนื่องของภาครัฐบาล ก็ได้รับปากเขาว่าเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่เราจะไปอธิบายให้เจ้ากระทรวงต่างๆ รับทราบว่าให้รีบจัดคณะมาเยือนซาอุฯ ซึ่งทางซาอุฯ ก็พร้อมที่จะจัดคณะไปเยี่ยมเยือนรัฐบาลใหม่ของไทยเช่นเดียวกัน เพื่อให้มีความต่อเนื่อง เพราะเราได้สร้างพลวัตที่ดีแล้ว ไม่อยากให้มันเสียศูนย์ แต่ต้องต่อยอดกันต่อไป
ดามพ์ บุญธรรม
เอกอัครราชทูตไทยประจำซาอุดีอาระเบีย :
8 เดือนที่มารับตำแหน่งมีการเยือนระดับสูงจำนวนมาก นับตั้งแต่มีการปรับความสัมพันธ์ทางการทูตกันมา การค้าสองประเทศมีการขยายตัวอย่างมาก ตัวเลขการค้าปี 2566 ระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน ขยายตัวไป 17.51% เทียบกับปีก่อน และถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับมูลค่าการค้าโลกที่ลดลง 37.1% แต่ในปี 2565 มูลค่าการค้าระหว่างไทย-ซาอุฯ ขยายตัวถึง 25.39%

ในด้านการลงทุนแม้จะมีความคืบหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะแต่ละโครงการต้องใช้เวลาในการศึกษาและเจรจา แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีมาก ซึ่งก็เป็นไปตามที่รมว.การลงทุนซาอุฯ ได้พูดไว้ใน Investment Forum ครั้งที่ 1 ว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก ผมเชื่ออย่างยิ่งว่าภาคเอกชนไทยที่เดินทางมาในครั้งนี้ก็จะไม่ปล่อยให้โอกาสที่ดีๆ หลุดลอยไป ในขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก็แน่นแฟ้นอย่างมาก
ในส่วนสถานทูต ตั้งแต่มารับหน้าที่ได้ต้อนรับคณะและหน่วยงานต่างๆ ของซาอุฯ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และได้ไปพบกับข้าราชการระดับสูงของแต่ละภูมิภาค ได้พบเจ้าชายมณฑลสำคัญของซาอุฯ เกือบครบทุกมณฑลแล้ว ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากบุคคลสำคัญของฝ่ายซาอุฯ ทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการผลักดันการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศต่อไป
1 ปี ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ ผลเป็นที่น่าพอใจหรือไม่ :
คิดว่าน่าพอใจ ในภาพของสถานทูตเราเข้าหาใครได้ง่ายมากตอนนี้ พอเปิดความสัมพันธ์เขากระตือรือร้นอยากจะเห็นว่าไทยมีอะไร ที่เห็นคือคนซาอุฯไปเที่ยวไทยเยอะมาก ซ้ำยังกลับมาบอกกันปากต่อปาก ช่วงปิดเทอมในซาอุฯ มีแต่คนจะไปเมืองไทยกันหมด โดยเฉพาะตอนนี้คนซาอุฯไปไทยไม่ต้องใช้วีซ่าแล้ว คนที่ไปเกินหนึ่งเดือนต้องขอวีซ่า แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนมาขอวีซ่าอย่างน้อย 200-300 คน ซึ่งเป็นนิมิตรหมายที่ดีมาก พอเขาไปแล้วทุกอย่างดี เขาก็ติดปากกลับมาเล่าขานก็ไปกันอีก ปีนี้คาดว่านักท่องเที่ยวซาอุฯ ที่เดินทางไปไทยน่าจะเกิน 2 แสนคน จากในช่วงปี 2565 เวลาไม่ถึงปีก็มีนักท่องเที่ยวซาอุฯ ไปไทยถึง 96,000 คน
พอไปพบผู้ว่าตามเมืองต่างๆ เขาก็ต้อนรับอย่างดีมาก นี่เป็นสัญญานที่ดีมากๆ เพียงแต่ว่าเราต้องเข้าใจว่ากฎเกณฑ์ต่างๆ มันมี เราต้องเข้าตามตรอกออกตามประตู ถ้าเราทุกอย่างให้ถูกต้อง คิดว่ามันน่าจะไปได้ดีมาก มีศักยภาพสูงมาก เพราะตลาดมันใหญ่ สิ่งที่เขาอยากให้มีคือความตกลงคุ้มครองการลงทุน ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางในการคุ้มครองผู้ลงทุนของเขา หากล่าช้าอาจทำให้เราเสียโอกาสโดยใช่เหตุ

คิดว่าเปลี่ยนรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อการสานต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจหรือไม่ :
คิดว่าไม่น่าจะเปลี่ยน เพราะทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมัน ภาคธุรกิจก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอยู่แล้ว ภาครัฐบาลก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะขณะนี้ซาอุฯ ก็เปิดกว้างเต็มที่ ถ้ามันไปในแนวทางนี้แล้วไม่คิดว่าจะมีอะไรที่ทำให้เป็นประเด็นได้ จะเปลี่ยนรัฐบาลอย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนก็ไปได้อยู่แล้ว

วันที่ มติชนออนไลน์
ที่มา 13 มิถุนายน 2566