ทำความรู้จัก "จอร์แดน" ในมิติเศรษฐกิจ และ โอกาสของไทย
เศรษฐกิจจอร์แดน ในช่วงไตรมาสแรกจนถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 GDP ของจอร์แดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 โดยการส่งออกรวมของจอร์แดน มีมูลค่า 8.939 พันล้านดีนาร์จอร์แดน (ประมาณ 13.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลงร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกัน การนําเข้าลดลงอย่างมีนัยสําคัญ ส่งผลให้การขาดดุลการค้าลดลงร้อยละ 10 ในปี 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565
ในส่วนของค่าเงินดีนาร์จอร์แดนค่อนข้างเสถียรเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เนื่องจากการที่ค่าเงินของจอร์แดนตรึงอยู่กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2538 ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อในปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 2.2 และในเดือนธันวาคม 2566 จอร์แดนมีเงินทุนสํารองระหว่างประเทศอยู่ที่ 13.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ล่าสุด เมื่อเดือนมกราคม 2567 คณะกรรมการบริหารของ IMF ได้อนุมัติข้อตกลงอํานวยความสะดวกการขยายกองทุน Extended Fund Facility (EFF) กับจอร์แดนเพื่อสนับสนุนแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ
ในปี 2566 รัฐบาลจอร์แดนได้เริ่ม โครงการ Economic Modernization Vision (EMV) โดยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อน Mega project มูลค่าประมาณหนึ่งพันล้านดีนาร์จอร์แดน (ประมาณ 1.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงและการขยายท่าเรืออเนกประสงค์และท่าอากาศยานนานาชาติ King Hussein ที่เมือง Aqaba มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยการแพทย์โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนซาอุดีอาระเบีย-จอร์แดน นอกจากนั้นยังมีโครงการผลิตแอมโมเนีย โครงการ Water Carrier Project (เน้นการแยกเกลือออกจากน้ําและจัดสร้างเส้นทางส่งน้ําระหว่างเมือง Agaba – กรุงอัมมาน) ทั้งนี้ การดําเนินการโครงการดังกล่าวยังเป็นไปค่อนข้างช้าและมีแนวโน้มว่าสถานการณ์ความไม่สงบในกาซาจะทําให้การดําเนินการดังกล่าวยิ่งล่าช้าจากเดิมไปอีก
ในขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวของจอร์แดน โดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.7 เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยได้แรงหนุนจากจํานวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 6.353 ล้านคน อย่างไรก็ตามสถานการณ์กาซา ยังคงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการท่องเที่ยวของจอร์แดน โดยทําให้การจองโรงแรมลดลง ร้อยละ 50 ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคม 2566 รายได้ภาคการท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 3.4 และจํานวนนักท่องเที่ยวลดลงร้อย ละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2565
สงครามในกาซายังทําให้พฤติกรรมการบริโภคของชาวจอร์แดนเปลี่ยนไป โดยประชาชนลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและการจัดงานเฉลิมฉลอง รวมถึงการคว่ําบาตรผู้ประกอบการที่มีสาขาจากต่างประเทศ อาทิ McDonalds, Starbucks และหันมาอุดหนุนสินค้าที่ผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น
ในภาพรวมจอร์แดนยังมีเสถียรภาพและความมั่นคง แต่ขณะเดียวกันก็ยังต้องเผชิญหน้ากับปัจจัยหลายด้านที่มีผลกระทบต่อเสถียรภาพ ทั้งปัจจัยภายในประเทศซึ่งรวมถึงความผันผวนของเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤติการในภูมิภาค ราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น อัตราการว่างงานที่สูง ปัญหาการขาดแคลนน้ํา ตลอดจนปัจจัยจากภายนอก อาทิ ความไร้เสถียรภาพใน ประเทศเพื่อนบ้าน (ซีเรีย อิรัก) และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ที่ทําให้จอร์แดนได้รับผลกระทบรวมถึงรับภาระผู้ลี้ภัยจํานวนมาก
ที่มา globthailand
วันที่ 13 มีนาคม 2567