เป็นห่วงกันหนักมากในช่วงก่อนหน้านี้ว่าช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็น “โลว์ซีซั่น” ของภาคการท่องเที่ยวนั้น ตัวเลขจะดิ่งแบบหัวทิ่ม และกระทบหนักกว่าปีปกติทั่วไป เพราะปีนี้เป็นปีที่ทั่วโลกมีปัจจัยลบรุมเร้ารอบทิศ ทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจจีน ที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ต้นทุนการเดินทางท่องเที่ยวที่ยังสูง เนื่องจากสายการบินยังกลับมาให้บริการได้ไม่เต็มที่นัก แต่ถึงเวลาจริงกลับพบว่าดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้มากทีเดียว

 

แม้ว่าตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวรายสัปดาห์จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5.7-5.9 แสนคนในเดือนพฤษภาคม ขยับเป็นสัปดาห์ละ 6.4-6.5 แสนคน ในเดือนมิถุนายน ล่าสุดเดือนกรกฎาคมมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ละ 7-7.1 แสนคน

 

ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมของเดือนกรกฎาคม กลับมาทำสถิติได้ถึง 3.1 ล้านคน

 

อยู่ในระดับใกล้เคียงช่วงไฮซีซั่นเมื่อตอนต้นปี คือ เดือนมกราคม 2567 ที่มีจำนวน 3.06 ล้านคน และเดือนกุมภาพันธ์ที่มีจำนวน 3.35 ล้านคน

 

เรียกว่า ณ เวลานี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมามีตัวเลขเกิน 3 ล้านคนต่อเดือนได้อีกครั้งแล้ว หลังจากที่ร่วงมาอยู่ที่ 2 ล้านคนกว่า ๆ ติดกัน 4 เดือน คือในช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน

 

ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1 มกราคม-31 กรกฎาคม 2567 อยู่ที่ 20.6 ล้านคน

 

ขณะที่เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวรวมสำหรับปีนี้ คือ 36.7 ล้านคน

 

ถ้าประเมินจากแนวโน้มนี้มีความเป็นไปได้แน่นอน เพราะเหลือเพียงแต่ 16.1 ล้านคนเท่านั้น

 

เพราะในช่วง 3 เดือนหลัง คือ ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติมีโอกาสขยับได้ถึง 3.5 ล้านคนได้ไม่ยาก

 

หากดูสถิติก่อนวิกฤตโควิด-19 จะพบว่าเดือนธันวาคม 2561 ประเทศไทยเรามีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมถึง 3.83 ล้านคน และเดือนธันวาคม 2562 มีจำนวนถึง 3.94 ล้านคน

 

เกือบทะลุ 4 ล้านคน !

 

ขณะที่ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการ ททท. แม่ทัพหลักในการทำการตลาดท่องเที่ยว พูดถึงแผนการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงเวลาที่เหลือ ททท.จะเน้นดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

 

โดยทุ่มการจัดอีเวนต์สร้างจุดขายและมีกิจกรรมตลอดทุกเดือน เช่น มิชลินฟู้ด เฟสติวัล ครั้งแรกในไทย คอนเสิร์ต Summer Sonic Bangkok 2024 ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม Rolling Loud Thailand 2024 เดือนพฤศจิกายน เทศกาล Nihao Month ในเดือนตุลาคม เพื่อฉลองวันชาติจีน ฯลฯ

 

เรียกว่า โฟกัสการทำตลาดต่างชาติในกลุ่มตลาด “ดาวฤกษ์” หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเดินทางเที่ยวไทยสูง และตลาด “ดาวรุ่ง” หรือกลุ่มที่มีการเติบโตสูง ทั้งตลาดระยะไกลและตลาดระยะใกล้

 

“เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังใส่เกียร์เดินหน้าพร้อมติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง เพื่อผลักดันการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท

 

โดยล่าสุด “เสริมศักดิ์” ระบุว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนรายได้จากการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกำหนดให้ทุกหน่วยงานนำเสนอแผนปฏิบัติงานในแต่ละไตรมาสอย่างต่อเนื่อง

 

พร้อมทั้งเน้นการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทั้งในด้านรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยว

 

และเน้นย้ำว่า หากทุกหน่วยงานร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายรายได้ 3.5 ล้านล้านบาท สำหรับสิ้นปี 2567 จะสามารถบรรลุได้

 

จากทิศทางนี้ น่าจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าในแง่ของจำนวนน่าจะบรรลุเป้าหมายได้ไม่ยาก

 

คงต้องให้กำลังใจคนทำงานและลุ้นกันต่อไป เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้สามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ 3.5 ล้านล้านบาท หรือไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาท

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

วันที่ 4 สิงหาคม 2567