เศรษฐกิจ 2568 ปีแห่งความไม่แน่นอน
แม้ว่าศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จะคาดการณ์จะมีเม็ดเงินที่มาจากการใช้จ่ายสะพัดในระบบเศรษฐกิจช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ถึง 109,313 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.2% และเชื่อว่าเงินที่สะพัดขึ้นนั้นสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัว ซึ่งจะเห็นในช่วงไตรมาสที่ 1-2 นั้น จากการสำรวจการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นพบว่า แหล่งเงินที่ประชาชนจะนำมาจับจ่ายใช้สอยนั้น 47% แจ้งว่า จะนำมาจากเงินเดือนและรายได้ปกติ ส่วนอีก 45.6% นำเงินมาจาก “เงินออม” หรือเพิ่มขึ้นจาก 37.4%
นั้นหมายความว่า ปีใหม่ปีนี้ประชาชนนำ “เงินออม” ออกมาใช้ใกล้เคียงกับประชาชนที่จับจ่ายใช้สอยจากเงินเดือน/รายได้ปกติ จนอาจเชื่อได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเงินเดือนไม่พอใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่
สอดคล้องกับภาพใหญ่ของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 โดยสำนักวิจัยส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงภายใต้การบริหารงานของ “ทรัมป์” ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐที่จะมีเทอมการดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 4 ปีข้างหน้า ด้วยการกำหนดนโยบาย อเมริกาต้องมาก่อน
โดยมีรูปธรรมจากความต้องการที่จะลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐ ซึ่งประเทศไทยเองก็ติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่ “เกินดุล” การค้ากับสหรัฐมาโดยตลอด จนอาจเกิดการที่สหรัฐจะขึ้นภาษีเพื่อลดการขาดดุลลง และต่อเนื่องไปถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะได้รับผลกระทบจากภูมิรัฐศาสตร์และความขัดแย้งทั้งเก่าและใหม่ที่เกิดขึ้นตามมา
ปัจจัยจากภายนอกเหล่านี้ สำนักวิจัยหลายสำนักคาดการณ์ GDP ของประเทศไว้ระหว่าง 2.6-2.9% หรือต่ำกว่า 3% ขณะที่รัฐบาลได้คาดการณ์ GDP จะโต “เกินกว่า” 3% จากปัจจัยจากภาคบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและผลโดยตรงจากนโยบายการแจกเงินของรัฐบาลที่จะมีมาอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 เพื่อกระตุ้นการบริโภคในกลุ่มครัวเรือน การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบฯลงทุนเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างของรัฐวิสาหกิจ การนำเงินนอกงบประมาณ/เงินรายได้/เงินสะสมมาใช้
ในขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% หลังจากปรับลดลงมาครั้งหนึ่งแล้วตามการส่งสัญญาณเริ่มต้นการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายที่จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอีก คาดการณ์ที่ 1.5% ภายในสิ้นปี 2568
แต่การดำเนินการของรัฐบาลข้างต้นอาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน เมื่อภาคการท่องเที่ยวมีสัญญาณที่จะชะลอตัวลง ภาคการผลิตหลักของประเทศยังไม่ฟื้น ภาคการส่งออกต้องเผชิญกับการกีดกันทางการค้าจากการขึ้นภาษี และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ปี 2568 กลายเป็นปีแห่งความไม่แน่นอน สมควรที่ภาคธุรกิจและภาคประชาชนจะต้องตั้งรับอย่างระมัดระวัง ดำเนินธุรกิจอย่างรัดกุม ใช้จ่ายเงินอย่างมีสติ ลดความเสี่ยงทั้งปวงที่จะเกิดขึ้น
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 29 ธันวาคม 2567