โกลด์แมน แซคส์ ลดเป้า S&P 500 เหลือ 6,200 จุด ภาษี "ทรัมป์" ฉุดรั้งดัชนี
โกลด์แมน แซคส์ ลดเป้า S&P 500 สิ้นปี เหลือ 6,200 จุด เผย 3 ปัจจัยฉุดรั้งดัชนี คาด "ทรัมป์" เพิ่มภาษี 5% กดดันกำไรต่อหุ้น (EPS) ลดลง 2%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า “โกลด์แมนแซคส์” ปรับลดเป้าหมาย ดัชนี S&P 500 ณ สิ้นปี 2568 จาก 6,500 จุด เป็น 6,200 จุด ซึ่งสูงกว่าปัจจุบันกว่า 10.6% ที่ระดับ 5,572.07 จุด โดยอ้างถึงความไม่แน่นอนของนโยบายที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องภาษีศุลกากร และความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ
3 ปัจจัยกดดัน ‘หุ้นสหรัฐ’ :
เดวิด คอสติน หัวหน้านักวิเคราะห์หุ้นสหรัฐจากโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า 3 ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำคือ
(1)ความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะนโยบายเกี่ยวกับภาษีนำเข้า
(2)ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ
(3)ความไม่ชัดเจนในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อกองทุนป้องกันความเสี่ยง
คอสตินระบุในรายงานว่า นโยบายการค้าของทรัมป์ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและกดดันตลาดหุ้น โดยอัตรากำไรและมูลค่าหุ้นจะถูกกดดันต่อไปตราบใดที่สหรัฐยังคงใช้มาตรการภาษีศุลกากร
"จากการวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่าทุกครั้งที่สหรัฐเพิ่มอัตราภาษีขึ้น 5% จะส่งผลให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ของดัชนี S&P 500 ลดลงประมาณ 1-2% โดยตั้งสมมติฐานว่าบริษัทส่วนใหญ่จะสามารถผลักภาระภาษีเหล่านี้ไปยังผู้บริโภคได้" คอสตินกล่าว
‘หุ้น 7 นางฟ้า’ กดดันดัชนี :
เมื่อต้นสัปดาห์ดัชนี S&P 500 ลดลง 8.6% จากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สูญเสียมูลค่ามหาศาลถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้ดัชนีมีแนวโน้ม “ขาลง” หลังจากประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” กลับคำ จากการประกาศขึ้นภาษีศุลกากรใหม่ต่อแคนาดา ต่อมาทรัมป์ได้เปลี่ยนใจไม่ขึ้นภาษีศุลกากรดังกล่าว
นอกจากนี้ ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐที่ลดลงอย่างรวดเร็วoyhoมีสาเหตุมาหุ้นกลุ่ม “7 นางฟ้า" (Magnificent 7) ที่ลดลงถึง 14% เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งดัชนี S&P 500
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 12 มีนาคม 2568