ไม่จบแน่! มะกันจ่อตั้งภาษีพิเศษ "สมาร์ทโฟน-คอมพ์-อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์" และภาษีพุ่งเป้า 1-2 เดือนนี้
นักลงทุนและภาคอุตสาหกรรมไอทีของสหรัฐเพิ่งจะได้ข่าวที่ส่งสัญญาณบวก หลังรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยกเลิกเก็บภาษีนำเข้ากับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จากจีน 125% เมื่อวันที่ 11 เมษายน แต่เพียงหนึ่งวันถัดมาก็ต้องเผชิญกับข่าวร้ายอีกครั้งเพราะมีการยืนยันว่า รัฐบาลจะมีการออกภาษีชนิดใหม่มาแทนภาษีศุลกากรต่างตอบแทนสำหรับสินค้าเหล่านี้
ทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดียของเขาว่า การยกเว้นการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์จากจีนของเขาจะเป็นเรื่องชั่วคราว พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะเปิดการสอบสวนด้านความมั่นคงแห่งชาติที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
ทรัมป์ระบุว่า การเก็บภาษีกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้กำลังย้ายไปยัง ‘ตะกร้าภาษีนำเข้า’ อื่น โดยเรากำลังพิจารณาว่าเซมิคอนดักเตอร์และห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดจะถูกนำไปพิจารณาในส่วนของภาษีนำเข้าด้านความมั่นคงแห่งชาติที่กำลังจะมีขึ้นเร็วๆ นี้
ฮาเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ กล่าวขณะให้สัมภาษณ์กับรายการ “This Week” ของ ABC ว่า ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่สำคัญจากจีนจะต้องเผชิญกับภาษีศุลกากรใหม่แยกต่างหาก รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ภายอีกไม่เกินในสองเดือนข้างหน้า
ลุตนิกกล่าวว่า ทรัมป์เตรียมออก “ภาษีศุลกากรเฉพาะทาง” กับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ในอีก 1-2 เดือน ควบคู่ไปกับภาษีศุลกากรเฉพาะกลุ่มที่มุ่งเป้าไปที่เซมิคอนดักเตอร์และยา โดยภาษีใหม่นี้จะอยู่นอกเหนือภาษีศุลกากรต่างตอบแทนที่ทรัมป์ประกาศไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเรียกเก็บภาษีสินค้าที่นำเข้าจากจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 125%
“สินค้าเหล่านี้จะได้รับการยกเว้นจากภาษีศุลกากรต่างตอบแทน แต่จะถูกรวมอยู่ในภาษีศุลกากรสำหรับเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในอีกประมาณหนึ่งหรือสองเดือนข้างหน้า คาดว่าภาษีเหล่านี้จะทำให้การผลิตสินค้ากลุ่มนี้มาที่สหรัฐ เพราะมันถือเป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ ซึ่งเราต้องผลิตเองในอเมริกา” ลุตนิกกล่าว
เจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ กล่าวในรายการ “Face the Nation” ของซีบีเอสว่า ยังไม่มีแผนที่จะให้ทรัมป์พูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเกี่ยวกับภาษี พร้อมกล่าวหาว่าจีนเป็นฝ่ายสร้างความขัดแย้งทางการค้าด้วยการตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีศุลกากร ขณะที่แสดงความหวังว่าจะมีข้อตกลงกับประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่กับจีนได้
“เป้าหมายของผมคือการบรรลุข้อตกลงที่มีความหมายก่อน 90 วัน และผมคิดว่าเราจะบรรลุข้อตกลงกับหลายประเทศภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” เกรียร์กล่าว
บิล แอ็คแมน มหาเศรษฐีนักลงทุน ซึ่งสนับสนุนการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องภาษีของทรัมป์ โดยเรียกร้องให้ทรัมป์ระงับการเรียกเก็บภาษีต่างตอนแทนอัตราสูงและกว้างขวางต่อจีนเป็นเวลา 3 เดือน เช่นเดียวกับที่ทำกับประเทศส่วนใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แอ็คแมนโพสต์บนเอ็กซ์ว่า หากทรัมป์ระงับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรจีนเป็นเวลา 90 วันและลดเหลือ 10% เป็นการชั่วคราว เขาก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายเดียวกันในการทำให้ธุรกิจของสหรัฐ ย้ายห่วงโซ่อุปทานออกจากจีนโดยไม่เกิดการหยุดชะงักและความเสี่ยง
สเวน เฮนริช ผู้ก่อตั้งและนักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ NorthmanTrader วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงถึงวิธีการจัดการปัญหาภาษีศุลกากรโดยเขาโพสต์บน X ว่า “เช็กบรรยากาศในตลาด: วันไหนที่ลุตนิกถูกปลดออกจากตำแหน่ง น่าจะเป็นวันที่ตลาดหุ้นพุ่งแรงที่สุดของปี” พร้อมแนะว่า “รัฐบาลควรหาคนที่ควบคุมการสื่อสารให้ชัดเจน เพราะตอนนี้มันเปลี่ยนทุกวัน ธุรกิจในสหรัฐวางแผนหรือลงทุนไม่ได้เลยกับสถานการณ์ที่กลับไปกลับมาแบบนี้”
เรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บอกกับรายการ “Meet the Press” ของเอ็นบีซีว่า เขากังวลว่าสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือเลวร้ายกว่านั้น อันเป็นผลจากภาษีศุลกากร
“ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจและใกล้จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว และผมกังวลว่าเกิดสิ่งที่แย่กว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากสถานการณ์นี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม” ดาลิโอกล่าว
เอลิซาเบธ วาร์เรน วุฒิสมาชิกสหรัฐจากพรรคเดโมแครต วิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขแผนภาษีล่าสุดของทรัมป์ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและกระตุ้นเงินเฟ้อว่า “ไม่มีนโยบายภาษีศุลกากร มีเพียงความวุ่นวายและการทุจริต”
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 14 เมษายน 2568