วอร์เรน บัฟเฟตต์ ฉะทรัมป์ ชี้นโยบายการค้าไม่ควรถูกใช้เป็นอาวุธ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ สุดยอดนักลงทุนโลก วิจารณ์ภาษีศุลกากรและการกีดกันทางการค้าว่า "การค้าไม่ควรถูกใช้เป็นอาวุธ" ฉะนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ผิดพลาดมหันต์
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนแห่งตำนานของโลก วิจารณ์นโยบายการค้าที่แข็งกร้าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ไม่ได้ระบุชื่อเขาโดยตรงเมื่อวันเสาร์ (3 พ.ค.) โดยระบุว่าการขึ้นภาษีศุลกากรเพื่อลงโทษประเทศอื่นๆเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่
“การค้าไม่ควรเป็นอาวุธ” บัฟเฟตต์กล่าวในการประชุมผู้ถือหุ้นของกลุ่มธุรกิจในเครือของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ Berkshire Hathaway ซึ่งเป็นงานประจำปีที่มีผู้เข้าร่วมหลายพันคนที่เมืองโอมาฮา รัฐเนบราสกา
“ผมเชื่อว่ายิ่งส่วนอื่น ๆของโลกเจริญรุ่งเรืองขึ้นมากเท่าไร มันจะไม่ก่อความเสียหายให้กับเรา เราจะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเท่านั้น และเราจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น และลูกหลานของคุณก็จะรู้สึกเช่นนั้นในสักวันหนึ่ง”
การขึ้นภาษีศุลกากรเปรียบเสมือนการทำสงคราม :
การกีดกันการค้า และ ภาษีศุลกากร “อาจเป็นการกระทำแห่งสงคราม” นักลงทุนในตำนานกล่าวเสริม “และผมคิดว่ามันนำไปสู่สิ่งที่เลวร้าย จากทัศนคติลบที่แสดงออกมา ในสหรัฐฯ ผมหมายถึง เราควรหันไปทำการค้ากับส่วนอื่นๆ ของโลก และเราควรทำในสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด และพวกเขาก็ควรทำในสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุด”
บัฟเฟตต์ออกมาแสงความคิดเห็น ซึ่งเป็นความเห็นที่ตรงไปตรงมามากที่สุดเกี่ยวกับภาษีศุลกากร หลังจากที่ทำเนียบขาวประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตราสูงสุดในรอบหลายชั่วอายุคน ซึ่งสร้างความตกตะลึงให้กับโลกเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้เกิดความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาดวอลล์สตรีท
ต่อมา ประธานาธิบดีได้ประกาศระงับการขึ้นภาษีกะทันหันไว้ชั่วคราวเป็นเวลา 90 วันสำหรับสินค้าส่วนใหญ่ ยกเว้นสินค้าจีน เนื่องจากทำเนียบขาวพยายามทำข้อตกลงกับประเทศต่างๆ การหยุดการขึ้นภาษีครั้งนี้ทำให้ตลาดกลับมามีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง
ทรัมป์ได้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน เป็น 145% ในปีนี้ ซึ่งทำให้จีนขึ้นภาษีตอบโต้เป็น 125%
ล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จีนกล่าวว่า กำลังประเมินความเป็นไปได้ในการเริ่มเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ
การกีดกันทางการค้าคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ :
บัฟเฟตต์อธิบายว่านโยบายกีดกันทางการค้าอาจส่งผลลบต่อสหรัฐฯ ในระยะยาว หลังจากที่จีนกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก
“ในความเห็นของผม ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อคุณมีคน 7,500 ล้านคนที่ไม่ชอบคุณเลย และมีคนอีก 300 ล้านคนที่คุยโวโอ้อวดว่าพวกเขาทำได้ดีแค่ไหน ซึ่งผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องถูกต้อง และผมไม่คิดว่ามันฉลาดเลย” บัฟเฟตต์กล่าว “สหรัฐฯ ได้ชัยชนะ ผมหมายความว่า เราได้กลายเป็นประเทศที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เริ่มต้นจากศูนย์เมื่อ 250 ปีที่แล้ว ไม่มีอะไรจะเทียบได้”
นักลงทุนต่างรอคอยที่จะฟังคำแนะนำจาก “เทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา” วัย 94 ปี เพื่อขอคำแนะนำในการรับมือกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน รวมถึงการประเมินสถานะของเศรษฐกิจ กลุ่มธุรกิจในเครือ Berkshire มีมูลค่ารวมกว่าล้านล้านดอลลาร์ โดยมีธุรกิจประกันภัย การขนส่ง พลังงาน ค้าปลีก และธุรกิจอื่นๆ มากมาย ตั้งแต่ Geico ไปจนถึง Burlington Northern และ Dairy Queen ทำให้ Buffett มีคุณสมบัติเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปัจจุบัน โดยรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกระบุว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สหรัฐ หดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022
Berkshire กล่าวในรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกว่าภาษีศุลกากรและเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์อื่นๆ สร้าง "ความไม่แน่นอนอย่างมาก" ให้กับกลุ่มบริษัท Berkshire บริษัทกล่าวว่าไม่สามารถคาดการณ์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีศุลกากรได้ในขณะนี้
บัฟเฟตต์ขายหุ้นออกยอดถือเงินสดพุ่ง :
บัฟเฟตต์ อยู่ในโหมดตั้งรับ โดยขายหุ้นติดต่อกัน 10 ไตรมาส Berkshire ขายหุ้นมูลค่ากว่า 134,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการลดการถือครองหุ้นสองบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของ Berkshire ได้แก่ Apple และ Bank of America ผลจากการขายหุ้นดังกล่าวทำให้กองเงินสดมหาศาลของ Berkshire เพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ โดยอยู่ที่ 347,000 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมีนาคม
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 4 พฤษภาคม 2568