เอสเอ็มอี จี้กางยุทธศาสตร์ใช้1.57แสนล้าน พุ่งเป้ากระตุ้นศก.ฐานราก แนะปรับครม.ดู ทีมผู้ช่วยด้วย
"เอสเอ็มอี" จี้กางยุทธศาสตร์ใช้1.57แสนล้าน พุ่งเป้ากระตุ้นศก.ฐานราก แนะปรับครม.ดูถึง "ทีมผู้ช่วย" ด้วย
วันที่ 7 มิถุนายน นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า จากงบเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ขยายสู่ความต้องการและยื่นขอร่วมกับถึง 4 แสนล้านบาท นั้น ต้องประเมินความจำเป็นเร่งด่วนที่แท้จริงในการใช้งบประมาณ
โดยเฉพาะความคุ้มค่าโครงการ ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งผลประโยชน์ของประชาชนที่จะได้รับลดความเดือดร้อน สิ่งสำคัญ คือ การกางแผนที่ยุทธศาสตร์ของประเทศและนโยบายของรัฐบาลที่จะออกมาตรการโครงการต่างๆที่แผนปฏิบัติการของแต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องดำเนินการอย่างสอดคล้องซึ่งสามารถทบทวน บูรณาการงบประมาณ
ตัวชี้วัดผลลัพธ์ วิธีการดำเนินการร่วมกันอย่างไรให้เกิดผลกระทบสูง เกิดความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ โปร่งใสไม่ตกหล่นสูญเสียไปกับการทุจริตคอร์รัปชั่น งบประมาณ 100 ล้านบาท ต้องถึงมือประชาชนและประเทศชาติ 100 ล้านบาท แบบไม่ต้องทอน
นายแสงชัย กล่าวว่า อีกทั้งสร้างการรับรู้ให้ประชาชนร่วมด้วย สถานการณ์เศรษฐกิจประเทศในปัจจุบันได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงรอบด้าน การใช้เม็ดเงินงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ที่มีอยู่ต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมุ่งเป้าโดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานรากที่มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายย่อยสัดส่วนถึง 85% ของผู้ประกอบการทั้งประเทศ จ้างงาน 30% ของการจ้างงานภาคเอกชนทั้งประเทศให้เกิดกำลังซื้อเพิ่มขึ้นในเศรษฐกิจท้องถิ่น ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการ ประชาชน
นายแสงชัย กล่าวว่า ขณะเดียวกันเกษตรกรที่ต้องมีมาตรการในการขับเคลื่อนปรับเปลี่ยนเพิ่มผลิตภาพ ยกระดับผลผลิตที่มีคุณภาพมาตรฐาน สร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อสร้างรายได้ อีกทั้งมาตรการแก้หนี้ครัวเรือน หนี้เสีย หนี้นอกระบบทั้งระบบของประเทศอย่างเป็นระบบที่เป็นกับดักใหญ่ประเทศขัดขวางฉุดรั้งให้เกษตรกร เอสเอ็มอี ข้าราชการและประชาชนทุกสาขาอาชีพถูกจองจำทางเศรษฐกิจ ขาดโอกาสเข้าถึงความเป็นธรรมของบริหารจัดการหนี้ที่ต้องลดความเหลื่อมล้ำและดำเนินการแบบเบ็ดเสร็จ ฉะนั้นการของบประมาณของหน่วยงานต่างๆต้องคำนึงถึง การขอและการใช้อย่างมีความรับผิดชอบ เพราะเงินที่ใช้เป็นของประชาชนและประเทศไทย
นายแสงชัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี แต่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี รวมถึงประชาชน มีความคาดหวังสูง หากเกิดขึ้นต้องตอบโจทย์ในการบริหารประเทศที่จะสร้างผลประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการ ประชาชนมีความมั่นใจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมเพิ่มมากขึ้น และต้องการให้สรรหารัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน มุ่งมั่นทุ่มเทคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นหลัก
และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มีนวัตกรรมนโยบายลงมาสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพราะสถานการณ์โลกปัจจุบันรายล้อมไปด้วยความเสี่ยง ความท้าทายและโอกาสที่ต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์มองเห็นฉากทัศน์อนาคตและแก้ปัญหาแบบองค์รวม กระจายทรัพยากรอย่างเป็นธรรม และเปลี่ยนระบบการคัดสรรแบบ โควต้าเป็นคุณค่า ให้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์ได้เข้ามาบริหารกระทรวง
”นอกเหนือจากการแต่งตั้งรัฐมนตรี ยังต้องมีกลไกที่จะช่วยให้งานบริหารกระทรวงมีประสิทธิภาพมากขึ้น คือ การแต่งตั้งผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรีและเลขานุการรัฐมนตรีที่จะต้องพร้อมเป็นทีมทำงานเชิงรุก สร้าง Ranger Cabinet ที่มีภาวะความเป็นผู้นำสูง แข็งแรง อดทน กล้าหาญ เสียสละ รู้รักสามัคคี มียุทธวิธีอันชาญฉลาดในการนำพาประเทศให้รอดพ้นและอยู่รอดจากภัยคุกคามทางเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคง เพราะความเจริญรุ่งเรืองประเทศไทยอยู่ในมือท่าน” นายแสงชัย กล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 7 มิถุนายน 2568