จบวันแรก ถกการค้าเฟส 2 "ทรัมป์" ลั่น เจรจาจีนไม่ง่าย
ทรัมป์ระบุได้รับรายงานแต่เรื่องดีๆ แต่ลั่นเจรจากับจีนไม่ง่าย หลังการเจรจาการค้าวันแรกสิ้นสุดลงระหว่างผู้แทนการค้าสหรัฐและจีน และกำลังจะเริ่มเป็นวันที่สอง ทั้งสองฝ่ายกำลังหารือเกี่ยวกับการควบคุมการส่งออก
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนรอบสองจะดำเนินต่อไปเป็นวันที่ 2 หลังจากเริ่มวันแรกไปเมื่อวาน 9 มิถุนายน โดยทั้งสองฝ่ายหวังที่จะผ่อนคลายการส่งออกเทคโนโลยีและแร่หายาก (แรร์เอิร์ธ)
ผู้แทนของทั้งสองประเทศได้ยุติการเจรจาในวันแรก หลังจากใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงที่คฤหาสน์แลงคาสเตอร์เฮาส์ (Lancaster House) สมัยศตวรรษที่ 19 ใกล้กับพระราชวังบักกิงแฮม ในกรุงลอนดอน การเจรจาสิ้นสุดลงในเวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาลอนดอน ทั้งสองฝ่ายจะเจรจากันอีกครั้งในวันนี้ (10 มิถุนายน) เวลา 10.00 น.
“เรากำลังทำได้ดีกับจีน จีนไม่ใช่เรื่องง่าย” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่น
“ผมได้รับแต่รายงานที่ดีเท่านั้น” ผู้นำสหรัฐกล่าว
คณะผู้แทนสหรัฐนำโดยสก็อต เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยโฮเวิร์ด ลุตนิก (Howard Lutnick) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และจามีสัน กรีเออร์ (Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐ ทั้งนี้การที่ลุตนิกเข้าร่วมเจรจาเฟสสอง (เฟสแรกไม่ได้เข้า) เน้นย้ำถึงหน้าที่สำคัญของกระทรวงพาณิชย์ในการควบคุมการส่งออกสินค้าชิปบางตัว ใจกลางของการหารือครั้งนี้
เบสเซนต์กล่าวกับนักข่าวในลอนดอนว่าพวกเขามี “การประชุมที่ดี” และลุตนิกกล่าวว่าการหารือครั้งนี้ “มีประสิทธิผล”
คณะผู้แทนจีนนำโดยรองนายกรัฐมนตรีเหอ หลี่เฟิง (He Lifeng) ซึ่งไม่แสดงความเห็นต่อสื่อมวลชน ร่วมด้วยหวาง เหวินเทา (Wang Wentao) รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์และหลี่ เฉิงกัง (Li Chenggang) ผู้แทนการค้าจีน ทั้งนี้ หวางกลายเป็นผู้ติดตามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนในการเดินทางต่างประเทศนับตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งในปี 2020 ขณะที่หลี่เป็นข้าราชการการค้าอาวุโสและเคยเป็นเอกอัครราชทูตประจำองค์การการค้าโลก
สหรัฐส่งสัญญาณความเต็มใจที่จะยกเลิกข้อจำกัดในการส่งออกเทคโนโลยีบางรายการเพื่อแลกกับคำมั่นว่าจีนจะผ่อนปรนข้อจำกัดในการส่งอออกแร่หายาก ซึ่งมีความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์พลังงาน การป้องกันประเทศ และเทคโนโลยีมากมาย รวมถึงสมาร์ทโฟน เครื่องบินขับไล่ และแท่งปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ซึ่งประเทศจีนเป็นผู้ผลิตแร่หายากคิดเป็นเกือบร้อยละ 70 ของผลผลิตแร่ธาตุหายากของโลก
แหล่งข่าวที่ทราบเรื่องนี้กล่าวว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐบาลทรัมป์เตรียมที่จะยกเลิกมาตรการล่าสุดที่มุ่งเป้าไปที่ซอฟต์แวร์ออกแบบชิป ชิ้นส่วนเครื่องยนต์เจ็ต สารเคมี และวัสดุนิวเคลียร์ มาตรการเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนปะทุขึ้น
ทรัมป์ไม่แสดงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับการยกเลิกข้อจำกัดการส่งออก โดยบอกกับนักข่าวว่า “เราคงต้องรอดู” เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ของการดำเนินการดังกล่าว
“จีนฉ้อโกงสหรัฐ มาหลายปีแล้ว” ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าว พร้อมกับเสริมว่า “เราต้องการเปิดประเทศจีนให้กว้างขึ้น”
ด้านเควิน แฮสเซตต์ หัวหน้าสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวกับ CNBC เมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน ว่ารัฐบาลทรัมป์คาดว่า การควบคุมการส่งออกใดๆ ของจีนจะผ่อนคลายลงสำหรับสหรัฐ และจีนจะส่งออกแร่ธาตุหายากในปริมาณมากให้บริษัทอเมริกัน
ความเห็นของแฮสแซตต์จากกรุงวอชิงตันเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่าสหรัฐยินดีที่จะยอมตามข้อเรียกร้องของจีน แม้ว่าจะไม่รวมถึงชิปที่ซับซ้อนที่สุดที่ผลิตโดย Nvidia Corp. ซึ่งใช้ในการขับเคลื่อนปัญญาประดิษฐ์ก็ตาม
“สินค้าระดับไฮเอนด์ของเอ็นวิเดีย ไม่ใช่สิ่งที่ผมกำลังพูดถึง” แฮสเซตต์กล่าว พร้อมเสริมว่า จะไม่ยกเลิกควบคุมการส่งออกสำหรับชิปเอ็นวิเดีย เอช20 (Nvidia H2O) ที่ใช้ในการฝึกบริการ AI และระบุว่า ตนกำลังพูดถึงการควบคุมการส่งออกที่เป็นไปได้สำหรับเซมิคอนดักเตอร์อื่น ๆ ซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับจีนเช่นกัน
ทั้งนี้ การเจรจารอบแรกนับตั้งแต่คณะผู้แทนจากประเทศทั้งสองพบกันเมื่อเดือนที่แล้ว มีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายกำลังปฏิบัติตามข้อตกลงเฟสแรกที่ตกลงกันได้ในนครเจนีวา ซึ่งสหรัฐและจีนตกลงที่จะลดภาษีกันและกันเป็นเวลา 90 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนสิงหาคม เพื่อให้มีเวลาในการแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้าที่รัฐบาลทรัมป์กล่าวโทษว่าเป็นเพราะสนามแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
แม้จะมีการสงบศึก การค้าก็ไม่ฟื้นตัวในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยการส่งออกของจีนไปยังสหรัฐลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาด และการนำเข้าจากสหรัฐลดลงเกือบ 20% ในเดือนพฤษภาคม
ทั้งนี้ การโทรศัพท์คุยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ดูเหมือนจะช่วยกระตุ้นการบรรลุข้อตกลง ในห้วงที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนทวีความรุนแรงขึ้นในปีนี้ เนื่องจากทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าจีน ส่งผลให้จีนตอบโต้ ส่งผลให้เสียต่อเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ รวมถึงความไม่แน่นอนสำหรับธุรกิจที่พยายามรับมือกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันในนโยบายการค้า
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 10 มิถุนายน 2568