"บุญชัย โชควัฒนา" ชี้คัมภีร์รอด ธุรกิจต้องปรับตัว Growth Mindset หนุนโต
"สหพัฒนพิบูล" องค์กรเก่าแก่กว่า 8 ทศวรรษ และเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าของเมืองไทย และอยู่ภายใต้อาณาจักร 3 แสนล้านบาทอย่าง “เครือสหพัฒน์” ด้วย
บริษัทจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าให้กับบิ๊กแบรนด์ของ “เครือสหพัฒน์” แล้ว ยังมีแบรนด์นอกเครือมากมายที่บริษัทมุ่งสร้างยอดขายให้เติบโต เช่น มาม่า เปา ซื่อสัตย์ ซอลส์ โคโดโม คิเรอิ คิเรอิ โชกุบุสซึโมโนตาการิ มองต์เฟลอร์ ซาร่า ปีโป้ อาร์ซี ปรุงทิพย์ มิตรผล ดอยคำ เขาช่องฯ
ต้นปี 2568 สหพัฒนพิบูลจัด TOWN HALL “SPC NEXT 2025” นำทัพผู้บริหารพบปะพนักงาน ได้แก่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองประธานกรรมการ เวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ ชัยลดา ตันติเวชกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ เพชร พะเพียงเวทย์ กรรมการบริษัท และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด พีระพล จันทร์วิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และนพวรรณ คล้ายโอกาส ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ประกาศนโยบายขับเคลื่อนธุรกิจ
ยก Growth Mindset ปลดล็อกศักยภาพโต :
บุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทย ฉายภาพว่า ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจกำลังซื้อที่ไม่ดี ธุรกิจจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายให้ “เติบโต” ไม่ปล่อยไปตามสถานการณ์ ด้วยการตั้งเป้าโตต่ำๆ เพราะอาจยิ่งทำให้ยอดขายตกต่ำตามได้
ดังนั้น ปี 2568 บริษัทจึงมุ่งสร้างวิธีการคิดกล้าที่จะเติบโตหรือ Growth Mindset ให้กับทีมงาน พนักงานทุกคน
ในปี 2568 สหพัฒนพิบูล ตั้งเป้ายอดขายเติบโตระดับ 10% สูงกว่าปกติอยู่ราว 8% และปี 2567 ยอดขายบริษัทเติบโต 8.8% ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าการตั้งเป้าเติบโต แม้ยอดขายไปไม่ถึงเป้า ย่อมดีกว่าตั้งเป้าโตต่ำ เพราะการตั้งเป้าโตจะทำให้บริษัท ทีมงานพยายามหาวิธีการผลักดันไปสู่เป้าหมายได้
“วันนี้คนเราทำงานแบบเดิมไม่ได้แล้ว ผมมุ่งสร้างโกรทมายด์เซ็ทให้ทุกคนมีความกระหายจะเติบโต ความยากโตจะทำให้เราโต ซึ่งถ้าไม่มีโกรทมายด์เซ็ท ยังไงองค์กรก็ไม่โต”
ปัจจัยลบรายล้อม รุกหนักช่องทางขาย :
สหพัฒนพิบูลขายสินค้า 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ เครื่องดื่ม อาหาร ของใช้ในครัวเรือน และอื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ยาแก้ไข้ ส่วนช่องทางขายครอบคลุม 4 ช่องทาง ได้แก่ ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ร้านค้าส่งและปลีกดั้งเดิม รถขายเงินสด และช่องทางออนไลน์เจาะร้านค้าโดยตรงหรือ B2B และผู้บริโภคหรือB2C
บุญชัย บอกว่า ในการจัดจำหน่ายสินค้าแต่ละเดือน ทีมงานอาจเข้าถึงร้านค้า 5,000 แห่งบ้าง 1 หมื่นแห่งบ้าง ขณะที่บริษัทมีเครือข่ายร้านค้ามากกว่า 3 หมื่นแห่ง จึงมอบนโยบายให้ทีมงานรุกหนักเยี่ยมเยือนร้านค้าให้ครบทุกแห่งทุกเดือน เพื่อผลักดันยอดขายปี 2568 ให้เติบโต ซึ่งเป้าหมายที่อยากเห็นอยู่ระดับ 5 หมื่นล้านบาท จากปี 2567 ยอดขายอยู่ที่ระดับ 4.06 หมื่นล้านบาท
ดังนั้น ปีนี้ บริษัทจึงให้ความสำคัญในการปรับกลยุทธ์การตลาด มีการออกสินค้าใหม่ๆ เช่น มาม่าโอเค เจาะเซกเมนต์พรีเมียม เพื่อกระตุ้นการบริโภคมากขึ้น ลุยสื่อสารการตลาดผ่านโฆษณา และยกระดับพัฒนาทีมงานขายเพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจ เป็นต้น

“ปัจจัยไม่เอื้อต่อการเติบโต แล้วเราจะไม่ทำอะไรเลยหรือ ช่องทางในการเติบโตเรามี ช่องทางขายเคยไปดูแลร้านค้าหรือไม่ ตัวอย่าง สินค้า 1 ตัว แต่เรามีช่องทางขายกว่า 3 หมื่นแห่ง แต่เราขายเพียง 5,000 แห่งต่อเดือน เราต้องกลับไปขายให้ครบ ไปเยี่ยมร้านค้าทุกเดือน ขายสินค้าเข้าไปให้ได้”
กำลังใจสำคัญปลุกกำลังซื้อ :
ขณะที่กำลังซื้อผู้บริโภค การใช้จ่ายชะลอตัว “บุญชัย” มองว่า ภาพดังกล่าวเป็นผลพวงจาก “กำลังใจที่ไม่ดี” จากประเด็นลบที่ถูกนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจชะลอตัว นโยบายภาษีทรัมป์ สงครามการค้าฯ แต่อยากให้ผู้บริโภคมองว่าปัจจุบันตนเองยังมีงานทำ มีรายได้ในการดำรงชีวิตอยู่หรือไม่ หากมีควรหาแนวทางสร้างกำลังใจ เพื่อจะจับจ่ายใช้สอย
“5 เดือนแรกกำลังซื้อไม่ดี เกิดจากความเชื่อมั่นของประชาชน หากยังกล่าวกันเศรษฐกิจไม่ดี จะแย่แล้ว คนก็จะไม่ใช้จ่าย ชะลอใช้จ่ายทันที จึงอยากให้ภาครัฐสร้างกำลังใจให้ประชาชน ว่าเศรษฐกิจไทยมีทางออก อย่าท้อถอย เพื่อให้การจับจ่ายใช้สอยเหมือนเดิม”
ผู้ประกอบการอย่าตระหนกหยุดผลิต-ส่งออก :
สงครามการค้า ภาษีทรัมป์ เป็นปัจจัยที่ภาคธุรกิจกังวลจะกระทบภาคการผลิตและส่งออก “บุญชัย” แนะนำผู้ประกอบการอย่าตกใจจนลดการผลิตหรือส่งออก ย้ำ “ต้องไม่ทำ ต้องคิดทำใหม่” โดยมองตลาดใหม่ๆที่ยังมีโอกาส ส่วนการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ กรณีตั้งกำแพงภาษีสูง เชื่อว่าผู้บริโภคในประเทศจะได้รับผลกระทบมากกว่า
กลยุทธ์การออกสินค้าใหม่กระตุ้นตลาด
อย่างไรก็ตาม มิติสงครามการค้าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา สนามการค้าในไทยมีแบรนด์จากต่างประเทศตบเท้าเข้ามารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
นอกจากนี้ แผนธุรกิจครึ่งปีหลัง เพื่อให้อยู่รอดท่ามกลางปัจจัยลบรายล้อม “การปรับตัว-เปลี่ยนแปลง” เป็นสิ่งสำคัญมาก
“อะไรที่ไม่ดีต้องเปลี่ยนแปลง พัฒนาตัวเอง ทำอย่างไรไม่ให้ยอดขายตก ให้ธุรกิจเติบโต โลกเราไม่ว่าจะทำอะไรต้องรู้จักเปลี่ยนแปลง แก้ไข และทำตลอดเวลา ไม่ใช่รอให้แย่แล้วเปลี่ยนแปลง ตัวอย่าง เคยใช้เงินมาก ปรับตัวใช้เงินน้อยลง เคยซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ต้องลดลง ธุรกิจ มีการทำเรื่องลดต้นทุนต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำตอนแย่ ถึงธุรกิจเติบโตดี ก็ต้องหาทางลดต้นทุน ช่องทางขายไหนอ่อนแอ ต้องทำให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องรอให้เศรษฐกิจไม่ดี มีปัญหาแล้วปรับเปลี่ยน ทำตอนนี้เลย”
หนี้ครัวเรือนโจทย์ใหญ่ “รัฐบาล” แก้ยาก :
ปัจจุบันหนี้ครัวเรือน เป็นอีกปัญหาใหญ่ที่ฉุดกำลังซื้อประชาชน กระเทือนภาคธุรกิจ “บุญชัย” ยอมรับว่าปัญหาดังกล่าวเรื้อรังสะสมมานาน ยังไม่สามารถแก้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการหาแนวทางแก้ไข ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม แม้ปี 2568 เศรษฐกิจชะลอตัว ภาษีทรัมป์ สงครามการค้ามหาอำนาจ ภูมิรัฐศาสตร์โลก แต่ “บุญชัย” เชื่อว่าภาคธุรกิจยังอยู่รอดได้
สำหรับสหพัฒนพิบูล ไตรมาส 1 บริษัทสร้างรายได้รวมกว่า 1.02 หมื่นล้านบาท เติบโต 4.88%และมี “กำไรสุทธิ” กว่า 671 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 20% แรงหนุนสำคัญเกิดจากการโฟกัสสินค้าที่มีกำไรสูง และสามารถสร้างยอดขายกลุ่มนี้ได้มากด้วย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 11 มิถุนายน 2568