นิทรรศกาลครั้งหนึ่ง 150 ปี กระทรวงการต่างประเทศ l World Pulse
ท่ามกลางบริบทระหว่างประเทศอันร้อนระอุระหว่างสหรัฐกับจีน และการกระทบกระทั่งกับประเทศเพื่อนบ้าน ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระทรวงการต่างประเทศต้องทำงานหนักและมีบทบาทสำคัญในการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติที่มีอยู่เดิม ต่อยอดแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ที่ซ่อนอยู่ในวิกฤติ
การทำงานปัจจุบันว่ายากแล้ว แต่การเริ่มต้นในอดีตยากยิ่งกว่า "นิทรรศกาลครั้งหนึ่ง 150 ปี กระทรวงการต่างประเทศ: การวางรากฐานความสัมพันธ์ทางการทูตสู่อนาคต" เผยให้เห็นประวัติศาสตร์สำคัญกว่าจะถึงวันนี้
เมื่อวันที่ 14 เม.ย.พ.ศ.2418 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตราพระราชบัญญัติกรมพระคลังมหาสมบัติยังผลให้มีการแยกราชการด้านการคลังออกจากกรมท่าที่ยังปฏิบัติราชการด้านการต่างประเทศต่อไป จึงถือเป็นวันสถาปนากระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกันนั้นก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) ดำรงตำแหน่ง “ผู้ว่าการต่างประเทศ”
เมื่อตั้งกระทรวงแล้วกระทรวงการต่างประเทศก็มีความเป็น “ครั้งแรก” อีกหลายอย่างสะท้อนถึงพัฒนาการของการทำหน้าที่ เช่น ในปี 2425 สยามได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตที่กรุงลอนดอน โดยรัฐทูตวิสามัญและอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มพระองค์แรกคือพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์
สยามถือเป็นหนึ่งในสามชาติเอเชีย นอกเหนือไปจากญี่ปุ่นและจีน ที่มีตัวแทนทางการทูตถาวรในยุโรป
ปี 2563 สยามได้ซื้อที่ดินและก่อสร้างอาคารสถานอัครราชทูตและทำเนียบอัครราชทูตที่ถนน Kalorama กรุงวอชิงตัน โดยพระยาประภากรวงศ์เป็นผู้ทำพิธีวางฐานรากของอาคารหลังนี้ นับเป็นการก่อสร้างอาคารในต่างประเทศหลังแรกของสยาม
สัญลักษณ์ของชาติไม่ได้มีแค่สถานเอกอัครราชทูต น่าสังเกตว่าเวลาผู้นำไปเยือนต่างประเทศมักไปชมศาลาไทยที่โน่นที่นี่ ศาลาไทยในต่างประเทศถือเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและวัฒนธรรมไทย สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญ หรือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับนานาประเทศ เพื่อสะท้อนถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิต และภาพลักษณ์อันงดงามของไทย
ศาลาไทยในต่างประเทศแห่งแรก ตั้งอยู่ที่เมืองบาด ฮอมบวร์ก ประเทศเยอรมนี โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเพื่อจารึกความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างไทยกับเยอรมนี หลังจากเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 การก่อสร้างเริ่มต้นในประเทศไทย แล้วส่งไปประกอบเป็นศาลาไทยที่สมบูรณ์ในช่วงกลางปี พ.ศ.2457 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ปัจจุบันมีศาลาไทยในต่างประเทศอีกหลายแห่ง อาทิ สวนอุเอโนะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น, สวนเดอน็องดู เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, เทศบาลเขตรากุนด้า ประเทศสวีเดน และสวนสัตว์ทารองก้า นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
นั่นคือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ทวิภาคี ส่วนความสัมพันธ์ในกรอบพหุภาคี เรียนกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยว่า ไทยเป็นประเทศผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ด้วยปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น นิทรรศกาลครั้งหนึ่ง 150 ปี กระทรวงการต่างประเทศ ยกโต๊ะลงนามสนธิสัญญามาวางให้เห็นกันจะๆ พร้อมสนธิสัญญาฉบับจริง World Pulse เห็นแล้วขนลุก! ที่ได้ยินอาจารย์สอนในวิชาการเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาเห็นด้วยตาก็วันนี้
ที่เล่ามาเป็นแค่ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สำคัญ น่าเสียดายที่ “นิทรรศกาลครั้งหนึ่ง 150 ปี กระทรวงการต่างประเทศ: การวางรากฐานความสัมพันธ์ทางการทูตสู่อนาคต” ณ ห้องวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ สิ้นสุดลงไปแล้ว ใครไม่ได้ไปชมถือว่าพลาดมากๆ แต่โชคดีที่ว่า นิทรรศการฉบับย่อยังจะจัดแสดงที่กรมการกงสุล ผู้ที่สนใจไปติดตามกันต่อได้ ชมแล้วอินแค่ไหน ขนลุกหรือไม่กรุณาแจ้งให้ World Pulse ทราบด้วย
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 12 มิถุนายน 2568