ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทเร็ว/แรงเกินไป SMEs เสี่ยงเจ๊ง-ศก.พัง
สมาพันธ์ SME ไทย ชี้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทเร็ว และแรงเกินไปกระทบเอสเอ็มอี เสี่ยงเจ๊ง แนะรัฐทบทวนนโยบายเร่งด่วน
จากประเด็นที่คณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) มีมติให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาทในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และบางกิจการในต่างจังหวัด โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
ต่อเรื่องดังกล่าวดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์ SME ไทย เปิดเผยว่า สมาพันธ์ SME ไทย มีความเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อผลกระทบที่ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศจะต้องเผชิญจากมติดังกล่าว
ซึ่งหลายฝ่ายในภาคธุรกิจมองว่าเป็นการดำเนินนโยบายที่เร็วและรุนแรงเกินไป ในช่วงที่เศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะเปราะบาง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลางที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุนและกำลังคน
สำหรับประเด็นความกังวลสำคัญจากสมาพันธ์ฯ ประกอบด้วย
การเพิ่มภาระต้นทุนซ้ำซ้อนอาจผลักผู้ประกอบการให้ปิดกิจการหรือเลิกจ้าง
* 2568 ผลกระทบจากรอบก่อนยังไม่ทันคลี่คลาย
* เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงเปราะบาง การเพิ่มภาระต้นทุนซ้ำซ้อนอาจผลักผู้ประกอบการให้ปิดกิจการหรือเลิกจ้าง
* ธุรกิจบริการและก่อสร้างซึ่งใช้แรงงานเป็นต้นทุนหลัก จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
* โครงการที่มีราคาสัญญาตายตัว เช่น งานภาครัฐ งานโครงการ ไม่สามารถปรับราคาได้ทันที ทำให้ขาดทุนหรือถูกบีบให้ทิ้งงาน
* การปรับขึ้นค่าแรงในกรุงเทพฯ กว่า 7.2% ถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว
* กลุ่มแรงงานขั้นต่ำจำนวนมากยังขาดทักษะหรือประสบการณ์ที่สอดคล้องกับค่าแรง 400 บาท/วัน
* ไม่มีโรดแมปหรือหลักการที่ชัดเจนในการกำหนดนโยบายค่าแรง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
* แนวโน้มที่ผู้ประกอบการจะลดขนาดแรงงานประจำ หันไปจ้างงานนอกระบบ เสี่ยงต่อเสถียรภาพแรงงานในระยะยาว
“สมาพันธ์ SME ไทยขอให้รัฐบาลทบทวนมติการขึ้นค่าแรง 400 บาทอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อผู้ประกอบการ SMEs และเศรษฐกิจไทยโดยภาพรวม”
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 19 มิถุนายน 2568