ACHEMA 2024 เทคโนโลยีอุตสาหกรรม ที่ธุรกิจไทยไม่ควรพลาด คาดว่าปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 100,000 คน จาก 130 ประเทศ มีผู้จัดแสดงสินค้าและนวัตกรรมมากกว่า 2,400 ราย จากประมาณ 50 ประเทศ

 

ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ไม่แน่นอน ทำให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องเร่งปรับตัวให้เท่าทันความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่ในทุกปี  และในช่วงที่โลกผันผวนเพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ภาคอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญที่จะช่วยพาโลกบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนได้

 

แต่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นเรื่องท้าทายต่ออุตสาหกรรมหลายด้าน หอการค้าเยอรมัน-ไทย (จีทีซีซี) จึงเชิญชวนผู้ที่สนใจเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมในแขนงต่าง ๆ เข้าร่วมงาน ACHEMA 2024 ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ในวันที่ 10-14 มิ.ย. 2567 

 

เนื่องจากงานดังกล่าวเป็นงานจัดแสดงสินค้าชั้นนำด้านวิศวกรรมเคมี วิศวกรรมกระบวนการ และเทคโนโลยีชีวภาพ และให้ความสำคัญกับการรับมือความท้าทายต่างๆ มีการนำเสนอโซลูชันและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในหลายด้าน และมีบริษัทเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นพาร์ตเนอร์สำคัญในงานนี้หลายแห่ง

 

 

“อาเดรียส คอเนิร์ต” หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการขายจาก DECHEMA Ausstellungs-GmbH กล่าวว่า โมเดลเศรษฐกิจยั่งยืนอย่างเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) หรือบีซีจีไทย สอดคล้องกับคอนเซปต์ของงาน ACHEMA จึงเชิญชวนภาคอุตสาหกรรมไทยเข้าร่วมงานดังกล่าว เพื่อเยี่ยมชมเทคโนโลยีสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

 

เนิร์ตเผยว่า ACHEMA 2024 มีบริษัทยักษ์ใหญ่เข้าร่วมหลายประเภท อาทิ บริษัทปิโตรเคมี บริษัทด้านอาหารและยา บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ และย้ำว่า ปีนี้มีธุรกิจเคมีขนาดใหญ่ที่สุด 21 แห่งจาก 25 แห่งของโลก และมีธุรกิจยาขนาดใหญ่ที่สุด 24 แห่งจาก 25 แห่งของโลกเข้าร่วมด้วย และคาดว่าปีนี้มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 100,000 คน จาก 130 ประเทศ มีผู้จัดแสดงสินค้าและนวัตกรรมมากกว่า 2,400 ราย จากประมาณ 50 ประเทศ ทั้งบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ จีน เยอรมนี อินเดีย และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก

 

"ผู้คนเข้าร่วมงานนี้ เพราะ ACHEMA เป็นการจัดแสดงสินค้าอุตสาหกรรมแบบครบจบในทีเดียว (One-stop Show) เทคโนโลยีอุตสาหกรรมทุกอย่างรวมไว้ที่นี้ทั้งหมดแล้ว ทั้งยังมีชาวต่างชาติเข้าร่วมมากกว่า 50% หลายคนเข้าเยี่ยมชมงานมากกว่า 1 วัน และภายในงานใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร จึงไม่ต้องกังวลด้านภาษา" เนิร์ต กล่าว

 

สำหรับนวัตกรรมที่ ACHEMA ให้ความสำคัญคือ นวัตกรรมที่ช่วยรับมือความท้าทายต่าง ๆ ได้แก่ นวัตกรรมไฮโดรเจน ที่เป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดและบรรลุเป้าหมายสภาพอากาศ ยิ่งไปกว่านั้น เนิร์ตเผยว่า ปีนี้มีการจัดแสดงพิเศษเกี่ยวกับไฮโดรเจน โดยนำเสนอหัวใจสำคัญและความท้าทายของเศรษฐกิจไฮโดรเจนร่วมด้วย

 

ส่วนนวัตกรรมห้องปฏิบัติการ (แล็บ) มีความสำคัญเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมเปลี่ยนโลก นอกจากมีการนำเสนอรูปแบบ การวางแผน การก่อสร้าง การจัดการห้องแล็บแล้ว ยังมีการตรวจสอบการวิเคราะห์ทางชีวภาพและการใช้งานทางเภสัชกรรมขั้นสูงด้วย

 

ขณะที่เทคโนโลยีสีเขียวเติบโตอย่างรวดเร็วและคาดเดาไม่ได้ นวัตกรรมกระบวนการ จึงเป็นหัวใจหลักของงาน ACHEMA เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ธุรกิจต้องรักษากระบวนการทำงานให้สอดคล้องสถานการณ์โลก และให้โรงงานยังคงอยู่ในตลาดต่อไปได้ ตัวอย่างนวัตกรรมสำคัญในหมวดนี้ เช่น สมาร์ตวิศวกรรม และระบบการผลิตยั่งยืนขั้นสูง เป็นต้น ส่วนนวัตกรรมสีเขียว ปีนี้ให้ความสำคัญกับการจัดการน้ำในการทำอุตสาหกรรมและการปกป้องสิ่งแวดล้อม

 

ด้านนวัตกรรมเภสัช กลายเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็วในงานนี้ เนื่องจากการวิจัยใหม่ ๆ และวิธีการผลิตได้รับการพัฒนาตลอดเวลา และนวัตกรรมดิจิทัล มีบทบาทสำคัญใน ACHEMA เช่นกัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือช่วยผู้ประกอบการค้นหาแนวทางดำเนินงานเหมาะสมสำหรับธุรกิจตนเอง

 

ดร.วสันต์ อริยพุทธรัตน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพไทย (ThaiBIO) แนะว่า ประเทศไทยยังขาดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech)  งาน ACHEMA อาจช่วยจุดประกายแนวคิดใหม่ ๆ ให้ผู้ประกอบการไทยได้ และสิ่งสำคัญคืออุตสาหกรรมไทยจะได้รับโอกาสมากมายจากงานดังกล่าว เช่น การจับคู่ธุรกิจ เพื่อหาพาร์ตเนอร์ร่วมดำเนินธุรกิจบรรลุความเป็นกลางคาร์บอน 

 

เนิร์ตทิ้งท้ายว่า โมเดลบีซีจีที่หนุนขีดความสามารถของอุตสาหกรรมและพารพัฒนาที่ยั่งยืนในงานนี้ จะช่วยให้ไทยได้สร้างพาร์ตเนอร์กลยุทธ์ และอาจได้รับการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น และเนื่องด้วยไทยได้รับขนานนามว่าเป็น “ครัวของโลก” รวมถึงเป็นตลาดอาหารแปรรูปรายใหญ่อันดับ 2 ของเอเชียที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง งาน ACHEMA จะทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนี้ได้รู้จักนวัตกรรมพัฒนาอาหารที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

 

ทั้งนี้ หากไม่สามารถเข้าร่วมงานในประเทศเยอรมนี ยังมีงาน ACHEMASIA ในเซี่ยงไฮ้ จัดขึ้นในเดือน มิ.ย. 2568 รวมถึงงาน PROCESS INOVATION ในสิงคโปร์ จัดขึ้นในวันที่ 19-21 พ.ย. 2567 นี้ ซึ่งมีนวัตกรรมทางอุตสาหกรรมขั้นสูงให้เยี่ยมชมเช่นกัน

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567