50 ปี "อาเซียน-ออสเตรเลีย" ยุทธศาสตร์มองไกลสู่อนาคต
วันที่ 4-6 มี.ค.นี้ นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซีของออสเตรเลียจะเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียน-ออสเตรเลียสมัยพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองวาระ 50 ปีที่ออสเตรเลียเป็นคู่เจรจาประเทศแรกของอาเซียน ถือเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับการเดินหน้าต่อไปในอนาคต
Key Points:
* วันที่ 4-6 มี.ค. ออสเตรเลียจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสมัยพิเศษที่นครเมลเบิร์นเพื่อเฉลิมฉลองวาระ 50 ปีที่ออสเตรเลียเป็นคู่เจรจาประเทศแรกของอาเซียน
* เพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่า การประชุมจะเน้นการมองไปถึงอนาคตในอีก 50 ปีข้างหน้า
* ดอน ฟาร์เรล รัฐมนตรีการค้าและการท่องเที่ยว เชื่อว่า ออสเตรเลียมีศักยภาพที่จะร่วมมือกับอาเซียนให้มากขึ้น
* รูปธรรมของการทำงานกับอาเซียนพิจารณาได้จาก “ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ปี 2583”
การประชุม ณ นครเมลเบิร์นจะเป็นครั้งที่ 2 ที่ออสเตรเลียได้ต้อนรับผู้นำจากประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสินของไทย และครั้งนี้ผู้นำจากติมอร์ เลสเต ที่ยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกอาเซียนจะเข้าประชุมด้วย
เพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยกับคณะสื่อมวลชนอาเซียนที่รัฐสภาในกรุงแคนเบอร์รา ถึงงานใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน
"เราตื่นเต้นจริงๆ ที่ได้เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำสมัยพิเศษในเมลเบิร์น ตอนเป็นรัฐบาลเราได้มองว่าอยากให้มีการประชุมผู้นำที่เหมาะสมเพื่อเฉลิมฉลองวาระ 50 ปี และมองไปอีก 50 ปีข้างหน้าถึงการเป็นพันธมิตรในอนาคต นี่คือสิ่งที่โฟกัสในซัมมิต" รัฐมนตรีหว่องกล่าวและว่า ออสเตรเลียภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้เป็นคู่เจรจารายแรกของอาเซียน เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน และภูมิใจที่ผู้นำอาเซียนมาร่วมประชุม
"เราให้ความสำคัญตั้งแต่ปีแรกของการเป็นรัฐบาล ดิฉันเองเคยบอกว่าจะไปเยือนทุกประเทศอาเซียนและทุกประเทศสมาชิก the Pacific Islands Forum (PIF)"
ประจักษ์พยานสำคัญคือแถลงการณ์ของรัฐบาลออสเตรเลียที่ระบุชัดว่าจะมุ่งมั่นต่อความเป็นศูนย์กลางของอาเซียน (ASEAN centrality) รมว.ต่างประเทศยืนยันว่านี่ไม่ใช่แค่คำพูด
"เมื่อออสเตรเลียมองออกไปยังโลก จะคิดถึงว่าเราอยู่ที่ไหน สิ่งแรกที่พูด เราพูดถึงประเทศอาเซียน สำหรับเราเมื่อพูดถึง ASEAN centrality นั่นไม่ใช่แค่แนวคิดที่เป็นนามธรรม แต่ยังสะท้อนถึงความเป็นจริงด้านภูมิศาสตร์เชิงยุทธศาสตร์ของเรา"
รมว.หว่องกล่าวพร้อมย้ำว่า ออสเตรเลียต้องการทำงานกับอาเซียนและประเทศสมาชิกในฐานะหุ้นส่วนในภูมิภาคที่ออสเตรเลียอาศัยอยู่ ให้เป็นภูมิภาคที่เคารพอธิปไตย แก้ไขข้อขัดแย้งด้วยกฎหมายและระเบียบ และอยากให้ภูมิภาคแห่งนี้มั่งคั่ง ซึ่งจะดีต่อทั้งประชาชนอาเซียนและประชาชนออสเตรเลีย ด้วยเหตุนี้รัฐบาลแคนเบอร์ราจึงเน้นการพัฒนาและยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ
จากความมุ่งมั่นและเจตนารมณ์แรงกล้าต้องการผูกพันกับอาเซียนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นตามที่รัฐมนตรีพูดถึง ก่อให้เกิดคำถามว่า ออสเตรเลียจะเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนด้วยหรือไม่
“นั่นเป็นเรื่องของอาเซียนค่ะ แต่เราต้องการเป็นคู่เจรจาที่ดีที่สุดเท่าที่เราเป็นได้ เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้านให้ดีที่สุดเท่าที่เราเป็นได้ ดิฉันเคยพูดว่าออสเตรเลียไม่ใช่มหาอำนาจใหญ่สุดที่คุณทำงานด้วย แต่ดิฉันเชื่อว่าเราทำงานจริงจังและมั่นใจว่าจะสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ให้กับความเป็นพันธมิตรนี้”
ส่วนบทบาทของออสเตรเลียในการสร้างหลักประกันถึงสันติภาพ ความปลอดภัย เสถียรภาพ และการเข้าถึงทะเลจีนใต้ รมว.หว่องกล่าวว่า การที่ออสเตรเลียเป็นมหาอำนาจขนาดกลาง ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงสนับสนุนการยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมที่ทำให้ออสเตรเลียเป็นอยู่ในทุกวันนี้
ด้านดอน ฟาร์เรล รัฐมนตรีการค้าและการท่องเที่ยว กล่าวในทำนองเดียวกันว่านับจากนี้ไปการค้าระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลียต้องมีมากขึ้น มุ่งเน้นในหลายด้าน อาทิ พลังงาน ออสเตรเลียเป็นมหาอำนาจด้านพลังงานหมุนเวียนมีพื้นที่รับแสงแดดมาก, ดิจิทัล อาเซียนมีคนหนุ่มสาวจำนวนมากสนใจในโลกดิจิทัล, การเกษตร สินค้าเกษตรออสเตรเลียได้ชื่อว่าสะอาดและห่วงใยสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีประชากรน้อยออสเตรเลียสามารถเป็นแหล่งจัดหาสินค้าเกษตรให้อาเซียนได้ ด้วยศักยภาพเหล่านี้จึงอยากมีส่วนร่วมกับอาเซียนให้มากขึ้นและมองไปข้างหน้า
รูปธรรมหนึ่งในการเข้ามีปฏิสัมพันธ์ของออสเตรเลียกับอาเซียนเห็นได้จาก “ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ปี 2583” นายกรัฐมนตรีอัลบาเนซีเปิดตัวยุทธศาสตร์นี้ในเวทีอาเซียน อินโดแปซิฟิก ฟอรัม เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2566 ที่กรุงจาการ์ตา จากนั้นนิโคลัส มัวร์ผู้แทนพิเศษออสเตรเลียสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เดินทางมานำเสนอยุทธศาสตร์ในหลายประเทศอาเซียนรวมทั้งประเทศไทยด้วยตนเอง
ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจฉบับนี้ต้องการสร้างการบูรณาการทางเศรษฐกิจให้มากยิ่งขึ้นกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภูมิภาคที่ได้ชื่อว่า เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กำหนดวิธีการที่ทำได้จริงเพื่อเพิ่มการค้าการลงทุนระหว่างกัน
ทำไมต้องเป็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ :
ยุทธศาสตร์ฯ ฉบับนี้มองว่า กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นมาเป็นเขตเศรษฐกิจใหญ่อันดับสี่ของโลกภายในปี 2583 ประเทศในกลุ่มเกี่ยวข้องกันผ่านองค์การระหว่างประเทศระดับภูมิภาคนาม “สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” หรือ อาเซียน ดังนั้นหากออสเตรเลียต้องการได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้จำเป็นต้องเข้ามาเกี่ยวข้องให้มากขึ้น
“อนาคตทางเศรษฐกิจของเราขึ้นอยู่กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุทธศาสตร์นี้ร่างกรอบวิธีที่เราจะใช้ประโยชน์และคว้าโอกาสการค้าการลงทุนมหาศาลในภูมิภาคที่เราดำรงอยู่” นายกฯ ออสเตรเลียกล่าวในวันเปิดตัวยุทธศาสตร์
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ปี 2583 กำหนด 10 ภาคส่วนที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ เกษตรและอาหาร, ทรัพยากร, การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว, โครงสร้างพื้นฐาน, การศึกษาและทักษะ, เศรษฐกิจนักท่องเที่ยว, การดูแลสุขภาพ, เศรษฐกิจดิจิทัล, บริการวิชาชีพและการเงิน และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
ย้อนเส้นทาง 50 ปี ความสัมพันธ์ อาเซียน-ออสเตรเลีย
-2517 ออสเตรเลียเป็ฯคู่เจรจารายแรกของอาเซียน
-2556 ตั้งสำนักงานการทูตออสเตรเลียประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์
-2557 ออสเตรเลียและอาเซียนเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างเป็นทางการ
-ทุกปีนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียและผู้นำชาติสมาชิกอาเซียนจะหารือหนทางกระชับความร่วมมือในการประชุมผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลีย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567