วันไตโลก 14 มีนาคม 2567 รู้จักหน้าที่-ความสำคัญของไต
14 มีนาคม 2567 วันไตโลก (World Kidney Day) ชวนรู้จักหน้าที่และความสำคัญของไต อวัยวะสำคัญในการขับของเสียออกจากร่างกาย พร้อมเปิดรายชื่ออาหาร ผัก ผลไม้รับประทานแล้วดีมีประโยชน์ต่อไต
"วันไตโลก" (World Kidney Day)" ซึ่งตรงกับวันที่ 14 มีนาคม 2567 โดยองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ได้กำหนดให้วันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมีนาคมของทุกปีเป็นวันไตโลก เพื่อรณรงค์ให้คนได้ตระหนักถึงความสำคัญของโรคไต รวมถึงส่งเสริมให้ความรู้และความเข้าใจในการป้องกันและชะลอความเสื่อมของไต สำหรับวันไตโลกนั้นมีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม 2549
ความสำคัญของไต :
เป็นอวัยวะภายในร่างกาย มี 2 ข้าง และลักษณะคล้ายเม็ดถั่วขนาดเท่ากำปั้น "ไต" เปรียบเสมือนเครื่องกรองชนิดพิเศษที่มีความจำเป็นอย่างมากในการดำรงชีวิต ทำหน้าที่สำคัญในการขับของเสียออกจากร่างกาย รักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ ทั้งยังผลิตฮอร์โมนหลายชนิด โดยจะทำงานควบคู่กับระบบอื่น ๆ ของร่างกาย นอกจากนั้น "ไต" ยังมีหน้าที่ในการสร้างสารที่ควบคุมความดันโลหิต และสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง
ตัวอย่างอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อไต :
(1)น้ำเปล่า :
ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้ว เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายให้ทำงานได้อย่างราบรื่น เป็นตัวช่วยกรองสารพิษจากเลือดและขับสารพิษออกทางปัสสาวะ ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีอาการโรคไตอยู่แล้วและมีอาการบวมน้ำ ควรบริโภคน้ำตามความเหมาะสม เช่น 3-4 แก้วต่อวันเพราะความสามารถในการขับปัสสาวะของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังจะลดลง ควรปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้
(2)ปลาทะเล :
ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาเทราต์ เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง ทั้งยังอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 มีส่วนช่วยลดการอักเสบ และสาร DHA ในกรดไขมันโอเมก้า 3 ยังมีคุณสมบัติช่วยลดคอเรสเตอรอล ลดไขมันเลว (LDL) ที่สะสมในหลอดเลือด ข้อมูลของมูลนิธิโรคไตแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 มีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเลือด และยังช่วยลดความดันโลหิตได้ ซึ่งการมีความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดโรคไต ดังนั้น ควรรักษาระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับดีเพื่อช่วยปกป้องสุขภาพไตอีกทางหนึ่ง
(3)ลูกเดือย :
เป็นธัญพืชที่มีสรรพคุณบำรุงไต บำรุงตับ จัดเป็นยาอายุวัฒนะตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ลูกเดือยมีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยกำจัดสิ่งตกค้าง ลดอาการบวมน้ำ ทั้งยังมีสารสำคัญชื่อว่า สารคอกซีโนไลด์ (Coxenolide) ซึ่งมีสรรพคุณในการยับยั้งการเกิดเนื้องอก และอาจลดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้
(4)กะหล่ำปลี :
จัดเป็นผักที่มีโพแทสเซียมต่ำ ไม่เพิ่มภาระให้ไต ทั้งยังมีกรดฟอลิก วิตามินซี ไฟเบอร์ พร้อมสรรพคุณช่วยขับสารพิษและกรดยูริกออกจากร่างกาย
(5)กระเทียม :
เป็นแหล่งที่ดีของแมงกานีส ซัลเฟอร์ วิตามินซี วิตามินบี 6 และยังจัดเป็นเครื่องเทศเพิ่มรสชาติอาหาร ช่วยให้อาหารอร่อย มีรสชาติเข้มข้นขึ้น ดังนั้นจึงช่วยลดการใส่เครื่องปรุงอาหารไปได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้กระเทียมยังมีสารอัลลิซิน สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา มีสรรพคุณลดความเสี่ยงโรคไต โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิต รวมทั้งช่วยลดการอักเสบต่าง ๆ
(6)สับปะรด :
เป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมต่ำ ผู้ป่วยโรคไตสามารถรับประทานได้ และคนที่ยังไม่ป่วยโรคไต สับปะรดก็จะช่วยลดการอักเสบต่าง ๆ ได้ เพราะมีเอนไซม์บรอมีเลนที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา ลดการเกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วยป้องกันการเกิดนิ่ว อีกทั้งยังมีไฟเบอร์สูง มีวิตามินซีสูง และมีแมงกานีสด้วย
(7)แอปเปิล :
เป็นผลไม้ที่มีเพกติน เส้นใยอาหารที่มีสรรพคุณเพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย และยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคไต
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 14 มีนาคม 2567