ส่งออกไทย ก.พ. 2567 โต 3.6% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 จากเศรษฐกิจโลกฟื้น
พาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออกไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ขยายตัว 3.6% ต่อเนื่องเป็นที่ 7 ผลจากเศรษฐกิจโลกดีขึ้น ส่งออกสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรมขยายตัว แต่ต้องติดตามปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังกระทบ
วันที่ 26 มีนาคม 2567 นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการส่งออกของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 พบว่า มีมูลค่า 23,384.9 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท 827,139 ล้านบาท ขยายตัว 3.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 2.3% ส่วนการนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีมูลค่า 23,938.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3.2% ส่งผลให้ไทยขาดดุล 554.0 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ การส่งออกของไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและความเชื่อมั่นด้านการบริโภคที่กลับมา อีกทั้ง สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อโลกที่อยู่ในระดับขยายตัวต่อเนื่อง การส่งออกภาคอุตสาหกรรมของไทยยังขยายตัวต่อเนื่องและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ หม้อแปลงไฟฟ้า โทรศัพท์ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ
ในขณะที่สินค้าเกษตรขยายตัวได้ดีจากข้าวและยางพารา สำหรับวิกฤตการณ์ในทะเลแดงส่งผลกระทบเล็กน้อย โดยการส่งออกไปตลาดยุโรปและซาอุดีอาระเบียยังคงขยายตัว อย่างไรก็ดี แม้ตัวเลขการนำเข้าจะเพิ่มขึ้น แต่เป็นผลมาจากการนำเข้าสินค้าทุนและเครื่องจักรกล เครื่องจักรไฟฟ้า เพื่อผลิตเพื่อการส่งออกและบริโภคภายในประเทศ
ทั้งนี้ การส่งออกไทย 2 เดือนแรก มีมูลค่า 46,034.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 6.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 5.6% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 49,346.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2.9% ส่งผลทำให้ดุลการค้า 2 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 3,311.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่งออกสินค้าเกษตร :
การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัว 1.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) กลับมาหดตัวหลังจากขยายตัวในเดือนก่อนหน้า โดยสินค้าเกษตร ขยายตัว 7.5% ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน
ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร หดตัว 9.2% กลับมาหดตัวในรอบ 6 เดือน แต่ยังมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว ขยายตัว 53.6% ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ เซเนกัล และแอฟริกาใต้) ยางพารา ขยายตัว 31.7% ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และตุรกี) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 7.7% ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออสเตรเลีย ซาอุดีอาระเบีย และอิสราเอล)
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง หดตัว 20.5% หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ เวียดนาม และลาว แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และสหรัฐฯ) น้ำตาลทราย หดตัว 34.9% หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ลาว สิงคโปร์ และมาเลเซีย
แต่ขยายตัวในตลาดกัมพูชา ไต้หวัน เวียดนาม ปาปัวนิวกินี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง หดตัว 24.2% กลับมาหดตัวหลังจากขยายตัวในเดือนก่อนหน้า (หดตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ มาเลเซีย ฮ่องกง และเวียดนาม แต่ขยายตัวในตลาดเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ญี่ปุ่น และอินเดีย)
ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 3.7%
ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม :
การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 5.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน ซึ่งมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัว 24.9% ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรเลีย และเม็กซิโก)
อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัว 6.5% ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดฮ่องกง สหรัฐฯ อินเดีย เยอรมนี และเบลเยียม) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ขยายตัว 18.0% ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย อินเดีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย)
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัว 5.6% หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเม็กซิโก แต่ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย สหรัฐฯ ซาอุดีอาระเบีย บราซิล และนิวซีแลนด์) แผงวงจรไฟฟ้า หดตัว 13.2% หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน จีน และสหรัฐฯ
แต่ขยายตัวในตลาดมาเลเซีย ญี่ปุ่น เยอรมนี ฟิลิปปินส์ และรัสเซีย) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หดตัว 14.3% หดตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย อินเดีย ไต้หวัน และตุรกี แต่ขยายตัวในตลาดเวียดนาม อิตาลี อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น)
ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 7.7%
ตลาดส่งออกสำคัญ :
การส่งออกไปหลายตลาดสำคัญ อาทิ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และทวีปออสเตรเลียยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการผลิตโลก อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปจีน ญี่ปุ่น และอาเซียน(5) กลับมาหดตัว ตามความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
(1) ตลาดหลัก :
ขยายตัวร้อยละ 2.7 โดยขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ร้อยละ 15.5 สหภาพยุโรป (27) ร้อยละ 3.3 และ CLMV ร้อยละ 4.5 ขณะที่ จีน หดตัวร้อยละ 5.7 ญี่ปุ่น ร้อยละ 5.8 และอาเซียน (5) ร้อยละ 1.2
(2) ตลาดรอง :
ขยายตัวร้อยละ 3.8 โดยขยายตัวในตลาดทวีปออสเตรเลีย ร้อยละ 26.4 ลาตินอเมริกา ร้อยละ 7.9 และรัสเซียและกลุ่ม CIS ร้อยละ 46.4 ขณะที่หดตัวในตลาดเอเชียใต้ ร้อยละ 2.6 ตะวันออกกลาง ร้อยละ 9.9 แอฟริกา ร้อยละ 18.2 และสหราชอาณาจักร ร้อยละ 7.3
(3) ตลาดอื่น ๆ ขยายตัว
แนวโน้มส่งออก :
แนวโน้มการส่งออกไตรมาส 2 ยังคงมีความท้าทายเนื่องจากการส่งออกเทียบปีที่ผ่านมามีทานค่อนข้างสูง แต่ก็ยังคงเชื่อว่าการส่งออกยังคงขยายตัว ส่วนแนวโน้มการส่งออกในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์คาดว่า มูลค่าการส่งออกของไทยภาพรวมของปีนี้จะขยายตัว 1-2% ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้และก็จะพยายามผลักดันการส่งออกเต็มที่เพื่อให้การศพออกโตเกินเป้า
ทั้งนี้ การส่งออกโตยังได้จากอุปสงค์ภาคการผลิตที่กลับมาสู่ระดับปกติทำให้ปริมาณการค้าโลกกลับมาขยายตัว และกระแสความมั่นคงทางอาหารที่ยังช่วยให้สินค้าเกษตรของไทยยังคงเติบโตได้ดี
แต่ยังมีความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจของคู่ค้าในตลาดหลักอย่างจีนสหภาพยุโรป และญี่ปุ่นที่ฟื้นตัวล่าช้า ภัยแล้งที่กระทบต่ออุปทานสินค้าเกษตร ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งมีผลกระทบแต่ก็เพียงเล็กน้อย และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและหามาตรการรองรับต่อไป
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 26 มีนาคม 2567